ผบ.ทอ. ส่ง เฮลิคอปเตอร์ ช่วย ทร.ค้นหากำลังพล เหตุเรือหลวงสุโขทัย จมในทะเล ด้าน ทบ.ร่วมส่งกำลังใจให้ผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ พร้อมให้หน่วยงานในพื้นที่ระดมช่วยน้ำท่วมใต้ ลดความเสียหายทรัพย์สิน
จากกรณีเรือหลวงสุโขทัย พร้อมกำลังพล 106 นาย ของ กองทัพเรือ ประสบอุบัติเหตุอับปางจมใต้ทะเล เมื่อช่วงดึกวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยได้เร่งให้ความช่วยเหลือตลอดทั้งคืน และมีผู้สูญหาย 31 นาย ล่าสุด พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ระบุว่า พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้สั่งการให้กองทัพอากาศ สนับสนุน เฮลิคอเตอร์ EC-725 หน่วยบิน 2037 และชุดประสานการค้นหาและช่วยชีวิตปฏิบัติภารกิจสนับสนุนการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัย เรือหลวงสุโขทัย ซึ่งยังมีผู้สูญหายประมาณ 31 คน โดยจะใช้ บน.5 เป็นฐานปฏิบัติการ (รวมถึงการรับส่งผู้ประสบภัย)
ขณะที่ พล.ต.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า กองทัพบก ขอเป็นกำลังใจให้กองทัพเรือและครอบครัวผู้ประสบเหตุ ให้ผ่านพ้นเหตุการณ์อันยากลำบากนี้ไปได้ด้วยความปลอดภัย และคลี่คลายสถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.ต.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวด้วยว่า จากสภาพอากาศในปลายเดือนธันวาคมนี้ ปรากฏมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยและห่างฝั่งบริเวณทะเลอันดามันคลื่นสูง 2-4 เมตร ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำหลากในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งกองทัพบกโดยกองทัพภาคที่ 4 ได้ส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เข้าช่วยเหลือประชาชนทันที ด้วยการเร่งขนย้ายสิ่งของ บรรจุกระสอบทรายทำแนวป้องกันน้ำท่วม เปิดเส้นทางจราจร ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุจากกระแสน้ำพัด เคลื่อนย้ายประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย รวมถึงร่วมกับส่วนราชการในจังหวัดประเมินสถานการณ์ระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก มอบให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์พิเศษในการบรรเทาสาธารณภัย พร้อมส่งไปสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพภาคที่ 4 โดยทันที สำหรับในปัจจุบันการช่วยเหลือประชาชนยังคงดำรงอยู่ใน 7 จังหวัด ได้แก่ อ.ทุ่งสง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช, อ.เมือง จ.พัทลุง, อ.ปะเหลียน จ.ตรัง, อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา, จ.ปัตตานี, จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส สำหรับใน จ.สงขลา มณฑลทหารบกที่ 42 บูรณาการร่วมเร่งดูแลพื้นที่เมืองและเขตเศรษฐกิจ การสัญจรและการเร่งระบายน้ำ ส่วนในพื้นที่ จชต. การลดผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อย่างไรก็ตาม ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ร่วมกับส่วนราชการ ทั้งในเรื่องของเครื่องมือและแผนการเข้าช่วยเหลือโดยจะดำรงการช่วยเหลือประชาชนและคลี่คลายสถานการณ์ให้ยุติลงโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่ทำให้เกิดอุทกภัยในปีนี้ มีปริมาณใกล้เคียงกับการเกิดอุทกภัยใหญ่ในปี 2554 แต่ด้วยการบริหารจัดการร่วมกันของภาครัฐและการติดตามข้อมูลข่าวสารของประชาชน ทำให้มาตรการป้องกันพื้นที่ และลดความเสียหายของทรัพย์สิน รวมถึงการฟื้นฟูสภาพในด้านต่างๆ สอดคล้องกับความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งกองทัพบกพร้อมนำศักยภาพและยุทโธปกรณ์ที่มีเพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนในทุกภัยพิบัติอย่างเต็มที่