รองนายกฯ แจง “ดิสทัต” ขอออกเอง ไม่มีใครไล่ ระบุ “พีระพันธุ์” นั่งเลขาฯ นายกฯ ได้ ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบพรรคอื่น อ้าง ทุกยุคตั้งคนของพรรคทั้งนั้น
วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีคำสั่งแต่งตั้ง นายดิสทัต โหตระกิตย์ เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และคาดว่า จะมีการแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แทน ว่า จะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่ 20 ธ.ค. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ ซึ่ง นายดิสทัต ได้แจ้งต่อนายกฯมานานแล้วว่า ประสงค์ขอลาออกไปทำงานอย่างอื่น และจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดและต่างประเทศบ่อยครั้ง อาจจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ ได้แจ้งนายกฯก่อนหน้านี้นานแล้ว แต่นายกฯได้ขอให้ช่วยงานไปจนถึงหลังเอเปก และหลังจากนายกฯเสร็จภารกิจการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ ที่ประเทศเบลเยียม เมื่อเดินทางกลับมาจะไม่มีกำหนดการเดินทางไปไหนอีก ถือว่าถึงเวลาที่จะให้ออกได้ ยืนยันว่า เป็นความประสงค์ของนายดิสทัตเอง ไม่มีใครสั่งให้ออก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งหัวหน้าพรรคการเมืองมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะเกิดความชอบธรรม เหมาะสมหรือไม่ เพราะอาจถูกมองว่าจะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เพราะพรรคดังกล่าวยังไม่ได้มี ส.ส.สักคน เมื่อถามว่า แต่เป็นพรรคการเมืองที่เตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งหน้า นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เป็นไร นายกฯ ทุกคนในอดีต ไม่ว่าจะเป็น นายชวน หลีกภัย นายบรรหาร ศิลปอาชา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายทักษิณ ชินวัตร ต่างตั้งคนของพรรคมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยงาน หน้าที่ของเลขาธิการนายกรัฐมนตรีคนละอย่างกับหน้าที่ของรัฐมนตรี จะต้องทำงานหลายอย่าง ดูงบลับ ให้นายกฯ ประสานกับสภา ประสานกับมวลชน และประสานกับงานต่างประเทศ ถือเป็นภารกิจธรรมดาที่นายกฯต้องเลือกคนที่คิดว่าสามารถที่จะทำงานได้ ซึ่งนายพีระพันธุ์มีคุณสมบัติที่ไม่ต่างไปจากนายดิสทัต เป็นนักกฎหมาย จะมาช่วยงานนายกฯด้านกฎหมายได้
เมื่อถามอีกว่า คนเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง แต่มาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่ดูแลงบลับได้ จะถูกตั้งคำถามหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นหัวหน้าพรรคที่ไม่มี ส.ส. แม้แต่คนเดียว จะไปห่วงอะไร และเขาไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน เพราะถ้าตั้งฝ่ายค้านมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นั่นจึงถือว่าประหลาด แต่นี่ไม่ได้ประหลาดอะไร เมื่อถามย้ำว่า จะกลายเป็นจุดอ่อนทำให้ถูกโจมตีทางการเมืองได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าจะโจมตีก็ตีกันได้ทุกจุดอยู่แล้ว คิดว่า ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด ไม่มีประเด็นที่จะให้โจมตี เพราะเป็นธรรมดา เนื่องจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นข้าราชการการเมือง ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน และต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองด้วย
เมื่อถามว่า แสดงว่า นายพีระพันธุ์ ต้องระมัดระวังในการทำหน้าที่เลขาธิการนายกฯ ใช่หรือไม่ เพราะมีหมวกอีกใบหนึ่งเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง นายวิษณุ กล่าวว่า หมวกหัวหน้าพรรค ไม่มีอะไรต้องระวัง แต่ถ้านายพีระพันธุ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ตรงนั้นก็มีบทบาทที่ต้องระมัดระวัง เพราะการที่ผู้สมัครจะทำอะไร กติกายังควบคุมน้อย แต่เป็นข้าราชการการเมืองอยู่ด้วย จะมีกฎกติกามากเป็นสองเท่า เมื่อถามอีกว่า เมื่อมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองจะไปช่วยหาเสียงได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าว่าแต่ช่วยหาเสียงเลย รัฐมนตรียังไปช่วยหาเสียงได้ คือ เวลานอกราชการ และไม่ใช้ทรัพย์สินราชการ ซึ่งกรณีนี้เหมือนกัน
เมื่อถามว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ใกล้เลือกตั้ง การดึงให้นายพีระพันธุ์ มาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะเป็นการหาเสียงทางอ้อมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่รู้ เพราะตนไม่ได้เป็นคนตั้ง ต่อข้อถามว่า นายกฯ ต้องระวังเรื่องนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า นายกฯ คงคิดดีแล้ว เพียงแต่อย่าทำผิดอย่างที่ตนได้บอกไป ว่าอย่าใช้เวลาราชการ อย่าใช้ทรัพย์สิน หรือทรัพยากรของทางราชการเท่านั้น เมื่อถามย้ำว่า แต่เมื่อเอ่ยชื่อนายพีระพันธุ์ คนมักจะนึกถึงพรรครวมไทยสร้างชาติทันที นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่แปลกประหลาด อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทุกคน ยกเว้น ประยุทธ์ 1 ประยุทธ์ 2 มีพรรคการเมืองอยู่ข้างหลังทั้งนั้น ไปย้อนดูอดีตได้ หลายคนหลายพรรคเป็นแบบนี้ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เมื่อถามอีกว่า แต่ที่ผ่านมา ไม่ได้แต่งตั้งกันในช่วงใกล้เลือกตั้ง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่แปลก ตั้งวันไหนก็ได้ เมื่อตำแหน่งว่างลงจะให้ทำอย่างไร จึงต้องตั้งใครสักคน ถ้าไม่ตั้งนายพีระพันธุ์ก็ต้องตั้งใครสักคนอยู่ดี