วันนี้ (15 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 2/2565 และการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 3/2565 โดยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนหน่วยงาน อาทิ กรมชลประทาน กรุงเทพมหานคร เป็นต้น เข้าร่วมการประชุม ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
พลเอก ประวิตร กล่าวว่า ในวันนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำ จำนวน 5 โครงการ ก่อนเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ โดยเป็นโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน จำนวน 3 โครงการ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแผนหลักการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 9 แผนงาน ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้แล้ว ได้แก่ โครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง มีแผนการดำเนินงาน 6 ปี (พ.ศ. 2567-2572) เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มอัตราการระบายน้ำจากเดิม 210 เป็น 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สามารถป้องกันและลดปัญหาน้ำท่วมได้ 276,000 ไร่ ผลประโยชน์จากการบรรเทาอุทกภัยเฉลี่ยปีละ 5,085 ล้านบาท นอกจากนั้นยัง สามารถเก็บกักน้ำในระบบช่วงฤดูแล้ง 18 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เพิ่มผลประโยชน์ด้านน้ำอุปโภค-บริโภคเฉลี่ยปีละ 227.7 ล้านบาท โครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก มีแผนการดำเนินงาน 4 ปี (พ.ศ. 2568-2571) เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มการระบายน้ำในพื้นที่ตอนบนผ่านโครงข่ายคลองในแนวเหนือ-ใต้ ได้อีก 150 ลบ.ม./วินาที และสามารถเพิ่มศักยภาพในการเก็บกักน้ำและระบายน้ำของแก้มลิงคลองมหาชัย คลองสนามชัย อีกทั้งยังสามารถเก็บน้ำในคลองช่วงฤดูแล้งได้อีก 13 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณปีละ 4,055 ล้านบาท และการขอขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากเดิม 5 ปี (พ.ศ. 2562-2566) เป็น 8 ปี ( พ.ศ. 2562-2569)
นอกจากนี้ ยังมีโครงการในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ โครงการภายใต้แนวคิดใน การพัฒนาการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของ กทม. ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา แผนงานกลุ่มที่ 1 ระยะที่ 1 (เร่งด่วน) โดยเป็นการดำเนินการปรับปรุงระบบสูบน้ำ ระบบไฟฟ้า และระบบเก็บขยะ สถานีสูบน้ำพระโขนง และการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กบริเวณคลองประเวศบุรีรมย์และคลองสาขาต่าง ๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่ และโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาพังงา-ภูเก็ต โดยการประปาส่วนภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบและกำลังการผลิตน้ำประปาและระบบท่อจ่ายน้ำไม่เพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้ กปภ. สาขาภูเก็ต สามารถให้บริการน้ำประปาได้เต็มประสิทธิภาพ รองรับผู้ใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นประมาณ 35,000 รายในอนาคต และรองรับการจัดงาน Expo 2028 ที่จะจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ตในปี 2571
ด้าน ดร.สุรสีห์ เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปี 2567 ภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี โดยมีผลสัมฤทธิ์ คือ เพิ่มความจุกักเก็บ 1,401 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับประโยชน์ 6.23 ล้านไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 5.64 ล้านครัวเรือน พื้นที่ได้รับการป้องกัน 5.37 ล้านไร่ และมอบหมายให้ เสนอต่อ กนช. พิจารณาตามขั้นตอน รวมทั้งได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการจัดทำคู่มือดูแลและบำรุงรักษาแหล่งน้ำขนาดเล็ก โดยมอบหมายให้เร่งดำเนินการจัดทำคู่มือส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมรับทราบผลการติดตามประเมินผลภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ระยะปี 61-65 และมอบหมายให้หน่วยงานเร่งรัดดำเนินการตามภารกิจในกลยุทธ์ แผนงาน และโครงการที่ยังไม่ได้ดำเนินการและมีผลการดำเนินงานน้อยกว่าแผน รวมทั้งให้หน่วยงานติดตามประเมินผล โดยผลการติดตามฯซึ่งที่ประชุมได้รับทราบในวันนี้ จะมีการนำเสนอต่อ กนช. ต่อไป