ข่าวปนคน คนปนข่าว
** พปชร.จะชู “ลุงมิ่ง” เป็นจุดขาย หรือจะเอามาให้ขายหน้า
วันก่อนพรรคพลังประชารัฐ มีการแถลงต้อนรับ “ลุงมิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกฯ และ อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่จะมานำทีมเศรษฐกิจของพรรค พปชร. ชูนโยบาย ขายวิสัยทัศน์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้
“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำพรรค มาร่วมแถลงข่าวเปิดตัวกันอย่างคึกคัก...
แต่แล้วเมื่อ “ลุงมิ่ง” อยู่หน้ากล้อง หน้าไมค์ เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด ก็หลุดออกมาจากปาก “ลุงมิ่ง” เล่นเอาเหวอ กันเป็นแถบ
เรื่องแรก ก็เป็นการอธิบายว่า ทำไม่ถึงรับเทียบเชิญ “พลังประชารัฐ” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ประกาศชัดว่า ไม่ร่วมสังฆกรรมกับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดย “ลุงมิ่ง” บอกว่า ไม่ได้ตระบัดสัตย์ แต่ถาม “ลุงป้อม” แล้ว ก็ได้รับคำยืนยันว่า “ลุงตู่” ไปแล้ว ไม่ได้อยู่ พปชร.แล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น “ลุงมิ่ง” ยังด้อยค่า “ลุงตู่” ต่อหน้า “ลุงป้อม” และบรรดาแกนนำพรรคที่เป็นคนใกล้ชิด “ลุงตู่” ว่าที่ก่อนหน้านี้ไม่พาลูกพรรคมาร่วมรัฐบาล แถมยังอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ลุงตู่” ก็เพราะ 1. เป็นนายกฯแล้วแก้ปัญหาประเทศไม่สำเร็จ 2. เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแต่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ และ 3. เป็นหัวหน้า ศบค.ปราบโควิด แต่มีตัวเลขผู้เสียชีวิต 2 หมื่นกว่าศพ...
ถล่ม “ลุงตู่” แบบไม่ไว้ไมตรี แล้วตอนหาเสียงจะมิยิ่งกว่านี้หรือ แล้วหลังเลือกตั้งจะมาร่วมงานกันได้หรือ!!
แต่ที่เด็ดกว่านั้น จนทำให้แกนนำพรรคเหวอไปตามๆ กัน คือ “ลุงมิ่ง” บอกว่า การจะไปดีเบต แสดงวิสัยทัศน์ โชว์วิชัน เรื่องเศรษฐกิจ ต้องเป็นคนที่มีตำแหน่ง ไม่เป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ
“ลุงมิ่ง” อ้างหน้าตาเฉยว่า ได้คุยกันแล้ว “ลุงป้อม” โอเค ให้เป็น “แคนดิเดตนายกฯ” พูดเสร็จ ก็ยกมือไหว้ ขอบคุณ “ลุงป้อม” ทำเอาแกนนำพรรคที่มาร่วมแถลงข่าวมองหน้ากัน เลิ่กลั่ก เพราะก่อนหน้านี้ ก็รู้แต่เพียงว่า “มิ่งขวัญ” จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค และอาจได้รับการโปรโมตให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ... ไม่มีใครคิดว่า “มิ่งขวัญ” จะเล่นใหญ่ มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ
ซึ่งเรื่องนี้ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ซัก “ลุงป้อม” ต่อหน้าลูกพรรค จนไปไม่เป็น ... สุดท้ายต้องตัดจบแถลงข่าวดื้อๆ
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จบแถลงข่าวได้ แต่เรื่องวุ่นๆ ในพรรคไม่จบแน่...
“วีระกร คำประกอบ” ส.ส.นครสวรรค์ ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรอง ผอ.พรรค บอกว่า ที่ “มิ่งขวัญ” ประกาศจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ ไม่มีสมาชิกคนใดคาดคิดมาก่อน เพราะการที่ใครจะเป็นจะต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้พิจารณา หรืออาจต้องเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่สามัญของพรรคด้วยซ้ำ ไม่ใช่หัวหน้าพรรคจะเป็นผู้ตัดสินเพียงคนเดียว
ซึ่ง รธน.ให้พรรคเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ได้ถึง 3 คน การที่มีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ อย่าง “มิ่งขวัญ” ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับพรรคในการหาเสียง แต่จะได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ ต้องผ่านความเห็นชอบตามกระบวนการของพรรคก่อน
“รงค์ บุญสวยขวัญ” ส.ส.นครศรีธรรมราช พปชร. กรรมการบริหารพรรค และแกนนำ ส.ส.ภาคใต้ ก็รีบออกมาเบรกว่า แม้บุคลิกของ “มิ่งขวัญ” อาจจะถูกใจคนรุ่นใหม่ แต่การที่มาถึงก็บอกไม่เอา “ลุงตู่” อย่างนี้ไม่เป็นผลดีกับพรรคแน่ ถ้าไปพูดอย่างนี้ในภาคใต้ก็อย่าหวังว่าจะได้คะแนน... คนที่จะเสนอตัวมาเป็นผู้บริหาร หรืออยู่ในบัญชีรายชื่อ หรือจะเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ จะต้องนิ่ง ต้องมีบารมี ต้องหนักแน่นกว่านี้
“สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นในเชิงเย้ยหยัน ที่พลังประชารัฐ ตีค่า ให้ราคา “มิ่งขวัญ” ขนาดนั้น เพราะมิ่งขวัญตั้งพรรคเองมาสองครั้ง หากเขาคิดว่าตัวเองขายได้ คงไม่วิ่งวุ่น ย้ายไปอยู่พรรคนั้นพรรคนี้ และอย่าคิดว่า ตัวคนเดียวเมื่อเข้าไปแล้วจะไปแก้ปัญหาคนกลุ่มความคิดเดิมๆ ได้ ... คนอาจจะเก่ง แต่ไปอยู่องค์กรที่ไม่เก่ง เปรียบเหมือนสินค้าดี แต่ไปอยู่ในแพกเกจที่ไม่ดี ก็มีแต่ราคาตก
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ถึงที่สุดแล้ว “ลุงมิ่ง” จะได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของ พปชร.หรือไม่ ถ้าได้เป็นจริง ก็ต้องไปวัดกับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ ... “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ของพรรคภูมิใจไทย ... “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย
ตอนนี้สาวกเพื่อไทยคงยิ้มรอกันแล้ว !!
**“มิลลิ” แรปเปอร์ตัวแรง จาก “Soft Power” ข้าวเหนียวมะม่วง สู่ 100 สตรี “ผู้ทรงอิทธิพล”
ถือเป็นปีทองของน้อง “มิลลิ” ดนุภา คณาธีรกุล นักร้องแรปเปอร์สาว ที่ถูกจัดเข้าทำเนียบ BBC 100 Woman 2022 หรือ 100 สตรีผู้เป็นแรงบันดาลใจและทรงอิทธิพลจากทั่วโลกประจำปีนี้
“มิลลิ” เป็นหนึ่งในผู้หญิงดังที่สื่อยักษ์ใหญ่ของอังกฤษยกขึ้นมา อาทิ “โอเลนา เซเลนสกา” สตรีหมายเลขหนึ่งของยูเครน “ปริยังกา โจปรา โจนาส เซลมา แบลร์” นักแสดงยอดนิยม “อัลลา ปูกาเชวา” นักร้องฉายา “จักรพรรดินีเพลงป๊อป” ของรัสเซีย “เอลนาซ เรคาบี” นักปีนเขาชาวอิหร่าน “ยูลิมาร์ โรฮาส” นักกรีฑาเจ้าของสถิติโลกเขย่งก้าวกระโดด และ “นานา ดาร์โคอา เซเคียมาห์” นักเขียนชาวกานา
งานนี้ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับแรปเปอร์สาวที่สร้างชื่อให้กับตัวเองและประเทศ ซึ่งก่อนนี้ “มิลลิ” ผู้ที่ทั้งร้องและสามารถแต่งเพลง ได้เป็นที่รู้จักของแฟนๆ คนไทยและในต่างประเทศ จากงานเทศกาลดนตรีและศิลปะโคเชลลาแวลลีย์ 2022 ที่สหรัฐฯ ซึ่งต่อมากลายเป็นไวรัลดังไปทั่วโลก
นั่นเพราะว่า “มิลลิ” นอกจากจะเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกของไทยที่ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตระดับโลก และเป็นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก นักร้องสาวไทยยังสร้างปรากฏการณ์ให้ฮือฮากันด้วยเพลงที่โปรโมต “Soft Power” แบบ “ทูอินวัน” จากเนื้อหาเพลงแรป ที่แต่งช่วยให้คนต่างชาติเข้าใจคนไทยมากขึ้น ไม่ใช่ “มโน” ว่า คนไทยเป็นแบบนั้น แบบนี้ ก่อนที่จะปิดท้ายทีเด็ดด้วยการโชว์ “กินข้าวเหนียวมะม่วง” บนเวที
ถ้ายังจำได้โชว์ "Soft Power" ของมิลลิ ตอนนั้นส่งผลให้เกิด "ข้าวเหนียวมะม่วง" ฟีเวอร์ไปทั่ว
ขณะที่โดยส่วนตัว “มิลลิ” จัดว่าเป็นคนรุ่นใหม่ “มีของ” และ “แรง” ในสายตาของรัฐบาล เพราะเธอมีบทบาท “call out” ฟาดรัฐบาลลุงตู่ จนมีเรื่องถูกแจ้งความในข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาท” หลังวิจารณ์เรื่องการรับมือ โควิด-19 ของรัฐบาล ส่งผลให้แฮชแท็ก #SaveMilli ตอนนั้นกันรัวๆ
ครั้นอิทธิพลของ “ข้าวเหนียวมะม่วง” ของ “มิลลิ” โด่งดังเป็น “Soft Power” ที่ทรงพลังให้ชาวโลกสนใจประเทศไทย เหล่านักการเมืองรวมถึงรัฐบาลลุง ต่างกระโดดโหนกระแส แม้แต่ “ลุงตู่” ที่เคยหัวร้อนกับเธอ ก็ขออินเทรนด์โดดเกาะแสง เคลมผลงานผลักดัน “Soft Power” ของรัฐบาลตัวเองจนพูดผิด พูด “Soft Power” เป็น “Soft ware” ไปกะเขาด้วย ก็เรียกเสียงฮากันไป
ว่าไปแล้วจากนักร้องสาว สู่ Soft Power ข้าวเหนียวมะม่วง “มิลลิ” ถือเป็นพลังของคนรุ่นใหม่ และเป็นความหวังของสังคมไทยได้ ในยามที่การเมืองสิ้นหวัง Soft Power ของไทยยังคงมีเสน่ห์ และมีคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในหลากหลายวงการที่จะก้าวขึ้นมาทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศไทย
รางวัล 100 สตรีผู้ทรงอิทธิพลปีนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเกียรติประวัตินักร้องสาว และก็ถือเป็นหน้าตาของประเทศด้วยทางอ้อม นอกจากจะยินดีด้วยแล้ว เชื่อว่า สังคมยังหวังจะเห็นคนรุ่นใหม่คุณภาพกล้าคิดกล้าสร้างสรรค์ กล้าแสดงออกในทางที่ดี ดีกว่าเคลื่อนไหวอยู่ใต้อิทธิพลของนักการเมืองน้ำเน่า ที่มุ่งแต่ “ชังชาติ” ตัวเองเยอะเลย
