“อนุทิน” บอก “มิ่งขวัญ” ร่วมงาน พปชร.เป็นเรื่องดี ช่วยทำงานเพื่อบ้านเมือง โยนถาม “ศุภชัย” เอง ปมร้องจริยธรรมปราศรัยที่นครพนม ใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ยัน ภท.ทำงานเพื่อ ปชช.ไม่เลือกปฏิบัติ
วันนี้ (6 ธ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ และผู้ก่อตั้งพรรคโอกาสไทย จะไปร่วมทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า นายมิ่งขวัญ เป็นผู้มีความสามารถ ครั้งที่แล้วเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้แสดงวิสัยทัศน์ และได้ ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว 6-7 คน ก็ต้องถือว่าไม่ธรรมดา ซึ่งตนเคยไปฟังการแสดงวิสัยทัศน์เรื่องเศรษฐกิจ ก็ถือว่าทำได้ดี หากมาช่วยในพรรค พปชร.ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี หากมีโอกาสได้เข้ามาทำงานรับใช้บ้านเมือง
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทย มีทีมเศรษฐกิจเข้ามาสู้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าใช้คำว่าสู้ เพราะทุกคนก็มีความรู้และความสามารถในการทำงานร่วมกัน พรรคภูมิใจไทยทำงานแบบแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่างมาโดยตลอด และพรรคจะให้ความร่วมมือกับทุกภาคการเมืองใครเสนออะไร หากดูแล้วว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนเราจะไม่มีข้อสงสัย แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นฝ่ายถูกกระทำมากกว่า
เมื่อถามถึงกรณี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 2 ได้พูดบนเวทีปราศรัยของพรรคภูมิใจไทย ที่จังหวัดนครพนม โดยพรรคก้าวไกล เตรียมร้องเรื่องจริยธรรมเกี่ยวกับเรื่องการใช้คำพูดหยาบคาย และดูถูก ส.ส. นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปถามเจ้าตัว เพราะเป็นถึงรองประธานสภา และตอนที่ท่านพูด ตนก็ไม่ได้อยู่ ดังนั้น ต้องไปถามว่าในขณะนั้นคิดอะไร ขอให้ท่านได้เป็นผู้อธิบายเอง ไม่มีใครอธิบายได้ดีเท่าตัวเอง แต่หากถามว่าพรรคภูมิใจไทยเลือกปฏิบัติหรือไม่ ยืนยันว่า ความรับผิดชอบ 3 คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะทำงานครบ 4 ปี ด้วยเจตนารมณ์รับใช้ประเทศและประชาชนไม่เลือกไม่เลือกที่รัก มักที่ชัง เป็นภาพของคนไทยทุกคน แม้นว่าจะเลือกหรือไม่ก็ตาม และวันนี้มาทำหน้าที่ในรัฐบาล จะบอกว่า ดูแลเฉพาะคนที่เลือกพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้ มันไม่เคยอยู่ในหัวและความคิด ส่วนการฟ้องร้องเรื่องจริยธรรมนั้น เป็นเรื่องของคู่กรณีก็ให้เป็นไปตามกฎหมายไม่มีปัญหา
เมื่อถามย้ำว่า ในส่วนของหัวหน้าพรรค มีการเตือนการใช้คำพูดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า แต่ละคนเป็น ส.ส.เป็นรัฐมนตรีก็มีวุฒิภาวะของเขาอยู่แล้ว ใครพูดใครทำอะไร ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองและการกระทำเหล่านั้น