xs
xsm
sm
md
lg

นิ่ง=ยอมรับ ครั้นขยับ ก็ยิ่งเข้าตัว ตู้ห่าวเอฟเฟกต์ “อุ๊งอิ๊ง” แถแลนด์สไลด์เบย **ศึกสองโฆษก ภูมิใจไทย โซ้ย ประชาธิปัตย์ ใครกันแน่ขวาง กม.กัญชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** นิ่ง=ยอมรับ ครั้นขยับ ก็ยิ่งเข้าตัว ตู้ห่าวเอฟเฟกต์ “อุ๊งอิ๊ง” แถแลนด์สไลด์เบย


ว่าด้วยกรณี “กลุ่มทุนจีนสีเทา” กว้านซื้อบ้านหรูในโครงการเอสซี แอสเสท ย่านลาซาล ของคนตระกูล “ชินวัตร” ชนิดที่มีคำถาม “ยุบยับ” เต็มไปหมด โดยเฉพาะเรื่องของ “คอนเนกชัน” ระหว่าง “ตู้ห่าว” ขาใหญ่ทุนจีนสีเทา กับคนในตระกูลครอบครัวชินวัตร หรือ “ครอบครัวเพื่อไทย” มีอะไรกัน อ๊ะป่าว?

อย่ากระนั้นเลย เรื่องนี้ต้องขยี้...“ดร.เสรี วงษ์มณฑา” นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร ผู้ที่เป็น FC กองหนุนเชียร์ลุง ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “คนไทย 50 คน ซื้อบ้าน รับโอนจากบริษัทอสังหาฯ แล้วมีคนจีนต้องการซื้อต่อ ปรากฏว่า คนไทยทั้ง 50 ราย พร้อมใจกันขายให้คนจีนทั้ง 50 คนเลย ฟังดูอัศจรรย์มากเลยนะคะ

เจ้าของโครงการที่เป็น “ลูกเจ้าของคอก” ยังเงียบอยู่ ไม่พูดอะไรเลย เพราะกรณีนี้ “งานเข้าจริงๆ” ยากที่จะหาคำอธิบายใดๆ มาชี้แจง ว่า ทำไมคนต่างชาติจึงเป็นลูกค้าซื้อบ้าน ทั้งๆ ที่กฎหมายไม่อนุญาต

ที่ร้ายไปกว่านั้น ก็คือ คนของตนเองดันออกมาพูดยืนยันว่า เรื่องที่พูดกันเป็นเรื่องจริง จนมีคนหลายคนเชียร์ให้ขุดต่อ อย่าได้หยุด ขุดให้เต็มที่ไปเลย

งานนี้ตำรวจที่ทำคดีจะต้องทำอย่างโปร่งใส จัดการกับคนทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง อย่าให้มีการลูบหน้าปะจมูก เป็นมวยล้มต้มประชาชน ที่ต้องการกระชากหน้ากากคนที่ทำผิดกฎหมาย เพราะเห็นแก่ตัว”

แพทองธาร ชินวัตร
แน่นอนว่า ฝั่งเพื่อไทยก็ต้องดิ้นเร่าๆ ยิ่งกว่าไส้เดือนโดนขี้เถ้า เขาว่ามา ก็ต้องทำอะไรสักอย่าง ประเดี๋ยวก็ถูกแปลความได้ “นิ่ง=ยอมรับ” แม้ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร งานนี้จะเงียบกริบ แต่พรรคเพื่อไทย โดย “นพดล ปัทมะ” รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ก็ออกเคลื่อนไหว มาพูดแทน “ลูกเจ้าของคอก” ตามที่ “ดร.เสรี” แซะมา

เนื้อหาตอบโต้ฟังแล้วเข้าใจได้ตามฟอร์ม นั่นก็คือ “ถูกกล่าวหา” และมีคนพยายามโยงเรื่องนี้มาบิดเบือนใส่ร้ายพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้เสียหาย

“นพดล” ว่า เรื่องคดีของทุนจีนสีเทา เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวนอยู่ในขณะนี้ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพรรค แล้วพรรคก็จะไม่ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ขอย้ำว่า “พรรคเพื่อไทย” ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ “ตู้ห่าว” และ ตู้ห่าว ไม่เคยบริจาคเงินให้พรรคเพื่อไทย ข้อกล่าวหาที่มีต่อผู้ต้องหา ก็เกี่ยวเนื่องกับการทำธุรกิจในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาที่พรรคเพื่อไทย ไม่ได้เป็นรัฐบาลซึ่งเป็นเวลาเกือบ 8 ปีแล้ว ดังนั้น หากจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมายในช่วงเวลานี้ในประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะบังคับใช้กฎหมาย และรัฐบาลสามารถไปตรวจสอบว่ามีการประกอบธุรกิจผิดกฎหมายทำนองเดียวกันนี้มากน้อยเพียงใด ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้น อย่าเบี่ยงเบนประเด็น

ดร.เสรี วงษ์มณฑา
ส่วนที่บอกว่า กรณีที่พยายามโยงว่า ชาวต่างชาติกว้านซื้อบ้านในโครงการของ “บริษัท เอสซี แอสเสท” และพาดพิงว่า “แพทองธาร ชินวัตร” ผู้ถือหุ้นในบริษัท ในบางสื่อนั้น เห็นว่า การพาดพิงและกระจายข่าวต่างๆ มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างชัดเจน ขอเรียนว่า “แพทองธาร” ไม่ได้รู้จักกับ “ตู้ห่าว” และเป็นเพียงผู้ถือหุ้น ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายบ้านให้บุคคลใดๆ

นอกจากนั้น “บริษัท เอสซี แอสเสท” ได้แถลงไปแล้วว่า บริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล โดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังขายให้คนไทย และนิติบุคคลไทยเท่านั้น และในการชำระค่าบ้าน ผู้ซื้อต้องชำระเงินผ่านธนาคาร ขอตั้งเป็นข้อสังเกตว่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดของบุคคลกลุ่มนี้ มีบ้าน รถยนต์ และทรัพย์สินที่ซื้อจากหลายโครงการ หลายบริษัท กระจายไป ไม่ใช่ซื้อจาก บริษัท เอสซี แอสเสท อย่างเดียว

สาธุชนทั้งหลายได้ยินได้ฟัง สดับแล้วก็ลองไตร่ตรองคิดๆๆ สิ คาปูชิโน กันได้ตามอัธยาศัย ซึ่งต้องบอกว่า เรื่องนี้มีประเด็นให้ขบคิด ว่าแต่ว่า สิ่งที่ “นพดล” แจงสี่เบี้ยมานั้น “ตัดตอน” เอาเฉพาะช่วงปัจจุบัน คล้ายๆ เรื่องอดีตไม่เกี่ยวว่า กลุ่มทุนจีนสีเทา ที่คนเขาสงสัย ใครให้สัญชาติ ใครเป่าคดีก่อนๆ นี้ ใครจับมือทำธุรกิจผ่านนอมินีคนไทย อย่าให้เอ่ยชื่อเลย ก็คนที่ “เฮียชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉ เป็นตัวเอ้ เชื่อมประสาน “คอนเนกชัน” กับ “ทักษิณ ชินวัตร” ตัวเจ้าของคอก กันจริงหรือไม่? นี่ต่างหากที่ “นพดล” ไม่ได้กล่าวถึง ประสาอะไรกับกว้านซื้อบ้านหรู ?

นพดล ปัทมะ
แถม “นพดล” ยังบอกว่า ช่วงเวลานี้ ประเทศกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ประชาชนคาดหวังที่จะเห็นพรรคต่างๆ นำเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ขอเชิญชวนให้ช่วยกันนำเสนอนโยบายและหาทางออกให้ประเทศ และโปรดยุติการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ “ไอโอ” ที่เป็นการบิดเบือนใส่ร้ายฝ่ายอื่นด้วยความเท็จ ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร

งานนี้ เข้าทำนอง นิ่ง=ยอมรับ แต่ขยับกลับเข้าตัวกว่าเดิม แลนด์สไลด์ถลอกปอกเปิกกันไปเลยทีเดียว นะจ๊ะ.



**ศึกสองโฆษก ภูมิใจไทย โซ้ย ประชาธิปัตย์ ใครกันแน่ขวาง กม.กัญชา

กลายเป็นศึกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลลุงตู่ เมื่อคู่โฆษกภูมิใจไทย ใส่ไม่ยั้งกับโฆษกประชาธิปัตย์ ชนิด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ฟาดมาฟาดกลับ ไม่มีใครยอมใคร ดุเดือดเลือดพล่าน น้องๆ เกมฟุตบอลโลกรอบน็อกเอาต์

ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ
ที่มาเกิดจาก “ราเมศ รัตนะเชวง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล กรณีหาว่าคน ปชป.จัดฉาก “เด็ก” เข้าถึงกัญชา เพื่อหวังผลทางการเมือง ว่า ไม่มีใครปัญญาอ่อนทำขนาดนั้น พร้อมกับแซะนโยบายกัญชา ว่า นักการเมืองควรมีจิตสำนึกในการผลักดันกฎหมาย

งานนี้ “ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ” ส.ส.สงขลา รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย ออกโรง เมื่อฝ่าย ปชป.ท้าทายก็เลยตอบโต้กลับว่า เรื่องการจัดฉาก ทุกคนมีสิทธิสันนิษฐานได้ทั้งนั้น เพราะภาพที่ออกมามันเหมาะเจาะเหลือเกิน ทำงานการเมืองจะโลกสวยไม่ได้ ยิ่งเมื่อฝ่ายตรงข้ามเป็นบางพรรค ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะ “บางพรรค” ก็ไม่ได้รักษาสัจจะอยู่แล้ว ตอนร่วมรัฐบาลพูดอย่าง ตอนใกล้เลือกตั้งทำอีกอย่าง

“ณัฏฐ์ชนน” ย้ำสำหรับนโยบายกัญชา พรรคภูมิใจไทย ไม่สามารถผลักดันได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ได้เสียงของ ส.ส.- ส.ว. มาแก้กฎหมายยาเสพติด ประกาศ สธ. นำกัญชาออกมาจากชื่อยาเสพติด ก็มาจากการเห็นชอบโดยคณะกรรมการ ป.ป.ส. ทาง รมว.เซ็นตามข้อเสนอขึ้นมา และเพื่อควบคุมการใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ ก็ต้องอาศัยกฎหมายระดับ พ.ร.บ.มาบังคับใช้ ระหว่างการร่าง พ.ร.บ. กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศ มาแก้ปัญหา

ราเมศ รัตนะเชวง
กลับมาที่ พ.ร.บ.ที่จะทำให้นโยบายสมบูรณ์ ตอนยื่นร่างเข้าสภาวาระแรก ทั้งสภาเห็นชอบ พรรคประชาธิปัตย์ก็เห็นชอบ ตั้ง “กนก วงษ์ตระหง่าน” เข้าไปเป็น คณะกรรมาธิการผู้ร่างกฎหมาย จากนั้น ก็ร่างกันเสร็จ แต่แล้วก็เป็นพรรคประชาธิปัตย์นี่เองที่คว่ำร่างกันดื้อๆ เลย แล้วก็มาโจมตีว่าร่างนี้ มีช่องโหว่ ปล่อยให้เกิดการใช้อย่างเสรีเพื่อสันทนาการ ทั้งที่ในร่างไม่สนับสนุนเรื่องนั้นเลย แล้วการใช้เพื่อสันทนาการ ก็เป็นพรรคประชาธิปัตย์นี่เอง ที่เสนอ แต่ กมธ.เขาไม่เอาด้วย

อะไรเกิดขึ้นระหว่างนี้ พอไม่มีกฎหมายเฉพาะมาใช้ควบคุม ก็เกิดปัญหาตามมา แล้วก็เป็นพรรคประชาธิปัตย์ที่ฉกฉวยโอกาสตรงนั้น มาหาเศษหาเลยทางการเมือง รองโฆษก ภท. สวนหมัด พร้อมกับขอถามว่า ปชป. ละอายใจหรือไม่ ที่เล่นการเมืองโดยเอาเด็ก และเยาวชนเป็นเดิมพัน เพื่อหาช่องโจมตีพรรคการเมืองอื่นๆ กับพรรคภูมิใจไทย เรากังวลกับภาพที่เด็กเข้าถึงกัญชาเพื่อสันทนาการแน่นอน แต่ก็ต้องคิดถึงประชาชนนับล้านคน ที่ใช้กัญชารักษาโรค ใช้กัญชาเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ มีคนลงทะเบียนปลูกถูกกฎหมายนับล้านคน มีการเข้าแอปฯ ปลูกกัญกว่า 50 ล้านครั้ง พรรคภูมิใจไทย ทอดทิ้งไม่ได้ ถึงได้พยายามให้คนที่ใช้ประโยชน์ก็ได้ใช้ และก็ต้องมีกฎหมายมาคุมการใช้ที่ผิด

ทว่า พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาขวาง แล้วโจมตีนโยบายกัญชาแบบรายวัน โดยไม่มองเลยว่าตัวเองเป็นส่วนสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้น วันนี้เด็กเข้าถึง ทั้งที่ถ้ามี พ.ร.บ.ดูแลภาพเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน แต่ ปชป.นี่เองที่ขวาง พ.ร.บ. ควรละอายใจหรือไม่ ที่ฉวยโอกาสเล่นการเมืองแบบนี้

งานนี้..ต้องบอกว่า ปชป.ดูไม่จืด เลือดสาดจริงๆ!!




กำลังโหลดความคิดเห็น