ผู้บัญชาการทหารบก ประธานน้อมจัดรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ” เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 5 ธันวาคม พร้อมเขียนอวยพรทหารปฏิบัติหน้าที่ชายแดนเทศกาลปีใหม่ ปกป้องภัยยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย
วันนี้ (2 ธ.ค.) ณ กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 07.30 น. พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานจัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 5 ธันวาคม 2565 โดยมี พล.ต.หญิง พิมพ์พิศา จิตต์แก้วแท้ นายกสมาคมแม่บ้านทหารบก และคณะผู้บังคับบัญชาเข้าร่วม ซึ่งกิจกรรมประกอบด้วย พิธีตักบาตรพระสงฆ์ 54 รูป จาก วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร ถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5, พิธีถวายราชสักการะ ถวายราชสดุดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ จากนั้นจึงกระทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยนิมนต์พระสงฆ์ 10 รูป จากวัดโสมนัสราชวรวิหาร และกิจกรรมบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นพระมหากษัตริย์ไทยแห่งราชวงศ์จักรี ทรงครองสิริราชสมบัติตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 สิริรวมระยะเวลา 70 ปี นับว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงครองราชสมบัติยาวนานที่สุดในประเทศไทย พระองค์ทรงปกครองราษฎรไทยด้วยน้ำพระราชหฤทัยงดงามเปี่ยมด้วยพระเมตตา ภายใต้พระปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถ และทรงเข้าพระทัยอย่างถ่องแท้ถึงความต้องการความเดือดร้อน และความจำเป็นของราษฎรของพระองค์ท่านทรงประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่
พระองค์ได้พระราชทานแนวพระราชดำริเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ว่า พระองค์ท่านเป็นกษัตริย์นักพัฒนา โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ เป็นที่ประจักษ์ถึงพระวิริยะ อุตสาหะ ในการทุ่มเทพระวรกายเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พระองค์จึงทรงเป็นที่เทิดทูน และเคารพของคนไทย ทั้งประเทศ และเป็นที่ประจักษ์แก่นานาอารยประเทศ
ด้านการทหาร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้องศึกษาค้นคว้าให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ดังพระบรมราโชวาทที่ว่า “กองทัพนั้น มีหน้าที่สำคัญหลักอยู่ที่การป้องกันประเทศ และการธำรงรักษาเอกราช อธิปไตย ของชาติไว้ เหตุนี้ทุกเหล่าทัพจึงจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพของตนให้สมบูรณ์ พร้อมทุกเมื่อทั้งในด้านยุทโธปกรณ์ที่มีความก้าวหน้า ทันสมัย และในด้านกำลังพลที่เข้มแข็งองอาจเพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้ครบถ้วน” (พระบรมราโชวาท ในพิธีสวนสนามแสดงแสนยานุภาพของกองทัพไทย เมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2539)
กองทัพบก ในฐานะที่ดำรงไว้ซึ่งการพิทักษ์ ปกป้อง และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันสูงสุด และเป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย จึงได้ยึดมั่นในภารกิจอันสำคัญยิ่ง ได้แก่ การถวายการรักษาความปลอดภัย และถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสนองงานโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริอย่างต่อเนื่อง จวบจนรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 รัชกาลปัจจุบัน
วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี นอกจากจะตรงกับวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีแล้ว รัฐบาลยังได้ประกาศให้วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันพ่อแห่งชาติ และวันชาติ เพื่อให้เป็นไปตามขนบประเพณีของประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข จึงนับได้ว่าวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันสำคัญของประเทศไทย และเป็นโอกาสที่พสกนิกรชาวไทย จะได้รำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณของบูรพมหากษัตริย์ ที่ทรงปกป้องบ้านเมืองมาจนถึงทุกวันนี้
กองทัพบก ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งกองทัพบกรวมทั้งส่วนราชการและภาคพลเรือน จัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้เขียนอวยพรให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติงานชายแดนในโอกาสเทศกาลปีใหม่ โดย ขอให้ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะทหารเท่านั้นแต่ขอให้ครอบครัวและประชาชน ได้ช่วยกันส่งความสุขให้กับเจ้าหน้าที่ไม่ใช่เฉพาะทหารเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงตำรวจตระเวนชายแดนและเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นๆ ด้วย ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะตามแนวชายแดนที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ช่วยกันดูแลปกป้องภัยต่างๆ ทั้งยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายต่างๆไม่ให้เข้ามา สร้างความไม่สงบสุข ให้กับประชาชน ในพื้นที่ส่วนกลางและตามตัวเมืองต่างๆ จึงขอให้ย้อนมาระลึกถึงเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานหนักโดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาอย่างเข้มงวด ทุ่มเทและเสียงสมัครรับมือภัยคุกคามต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเสพติดที่มีเพิ่มมากขึ้นจากภายนอกประเทศ