"ธนวัช"ประเมิน สถานการณ์ยางพารา ทิศทางดี แต่นอนใจไม่ได้ เตือน รัฐ เร่งเดินหน้านโยบายลดพื้นที่ปลูกยาง บี้ กยท.ปรับหลักเกณฑ์การปลูกแทน อนุมัติเงิน16,000 บาท/ไร่ ทันที แบบเต็มจำนวน จูงใจให้ชาวสวน โค่นยางพารา ปลูกพืชชนิดอื่น เชื่อ ช่วยรักษาเสถียรภาพราคายางพาราในประเทศ ได้อย่างยั่งยืน
วันนี้(27 พ.ย.)นายธนวัช ภูเก้าล้วน คณะที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ และ ว่าที่ผู้สมัคร สส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคายางพาราในปีหน้า (2566) ว่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นจากสงครามรัสซีย-ยูเครน ขณะที่การผลิตของอินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ยังกลับมาไม่เต็มที่ ประกอบกับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มยานยนต์ หรือถุงมือยาง ยังมีทิศทางสดใส แต่ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลจะละเลยภารกิจการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกพืชทดแทน ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 ด้วยการปลูกแทนด้วยยางพันธุ์ดี หรือไม้ยืนต้นที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ รวมถึงการควบคุมปริมาณการผลิต ลดพื้นที่การปลูกยาง สร้างสมดุลและปริมาณยางพาราในประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ด้วยการส่งเสริมให้ชาวสวนยางที่ปลูกยางแต่ได้รับผลผลิตน้อย ติดต่อรับสิทธิ์ขอทุนในการปลูกแทนได้ อัตราไร่ละไม่เกิน 16,000 บาท / ไร่ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือกฎเกณฑ์ที่มียังไม่จูงใจให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ
“ปัญหาคือ ตามระเบียบการปลูกแทน หากเกษตรกรปลูกแทนก่อนการอนุมัติทุน เมื่อถึงลำดับที่ได้รับทุน จะถูกตัดเงินปลูกแทนตามอายุพืชที่ปลูกนับถึงวันที่ได้รับทุน จึงจะทำให้ได้รับเงินทุนไม่เต็มในอัตรา 16,000 บาท/ไร่ เกษตรกรส่วนใหญ่จึงไม่กล้าปลูกพืชหลักที่ขอทุนปลูกแทน ทำให้เสียโอกาสในการปลูกใหม่ไปประมาณ 2 ปี ทีมงานกระบี่ ประชาธิปัตย์ นำโดย ส.ส.สาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล และ ผม จึงได้เร่งผลักดันให้ กยท.มีการปรับปรุงระเบียบดังกล่าวเพื่อให้เกษตรกร ที่มีความพร้อมสามารถโค่นยางพาราและปลูกพืชอื่นแทนใหม่ได้ โดยได้รับเงินทุน ปลูกแทนเมื่อถึงลำดับได้รับอนุมัติเงินปลูกแทน เต็มจำนวน 16,000 บาท/ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวสวนยางพารา และจะช่วยให้นโยบายลดพื้นที่การปลูกยาง สร้างสมดุลและปริมาณยางพาราในประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางบรรลุตามเป้าหมายด้วย” นายธนวัช กล่าว