“มงคลกิตติ์” ขอเอี่ยวทุกเรื่อง เสนอตัวเป็นโปรโมเตอร์ ศึก “ชูวิทย์-สันธนะ” สอนท้าตีท้าต่อยในรัฐสภาไม่เหมาะ พร้อมเตรียมฟ้อง นายกฯ-ผบ.ทร. หากไม่ทำตามข้อตกลงเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำเป็นของเยอรมัน หลังพบ “สีจิ้นผิง” แล้วมีท่าทีโอนอ่อน
วันนี้ (24 พ.ย.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีที่วานนี้ เกือบเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่าง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย และ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ว่า การท้าตีท้าต่อยในรัฐสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ เป็นการกระทำไม่เหมาะสม
“เพราะฉะนั้น เพื่อต้องการให้ปัญหานี้จบโดยเร็ว ใครจะตรวจสอบใครให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ผมเสนอให้ทั้งสองท่านไม่ต้องมาท้าตีท้าต่อยกัน ให้ไปต่อยกันจริงๆ ที่สนามมวยลุมพินี ผมจะประสานกับกองทัพบกและเป็นโปรโมเตอร์ให้ ให้มันจบด้วยกีฬา ให้กีฬาตัดสิน เดี๋ยวผมเป็นกรรมการเอง”
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่า จะมีคนไปชมค่อนข้างมาก สมมติถ้ามีการพนันขันต่อให้นำเงินรายได้ไปช่วยน้ำท่วม ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ยังเดือดร้อนกันอยู่ น่าจะเกิดประโยชน์ เพราะรัฐบาลตอนนี้น่าจะลืม ไม่ยอมลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อช่วยเหลือ 500,000 กว่าครอบครัวที่เดือดร้อน
นายมงคลกิตติ์ ยังกล่าวถึงกรณีการประชุมของคณะกรรมาธิการการทหารในวันนี้ ภายหลังจากที่ประชุมของคณะอนุกรรมาธิการด้านการเสริมสร้างศักยภาพกองทัพ มีมติให้เสนอต่อคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ ในการดำเนินการเรียก พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เข้าชี้แจง กรณีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ของเรือดำน้ำจากของประเทศเยอรมันเป็นของประเทศจีน
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า เดิมที ผบ.ทร. ยืนยันว่า จะเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์โดยใช้ของประเทศเยอรมัน แต่ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้พบกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีประเทศจีน ในช่วงการประชุมเอเปกที่ผ่านมา กลับมีท่าทีโอนอ่อนผ่อนตามให้ ผบ.ทร. แก้ไขข้อตกลง เปลี่ยนเป็นของประเทศจีน
“เหมือนเราสั่งซื้อปากกา แต่ได้ดินสอ ในราคาเท่าเดิม ถ้าเกิดเปลี่ยนแปลงหรือทำให้ไทยเสียเปรียบ พรรคไทยศรีวิไลย์ เตรียมที่จะดำเนินคดีกับคนที่เปลี่ยนแปลงและผู้เกี่ยวข้อง รวมไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย”
