xs
xsm
sm
md
lg

“มาครง” ได้ใจ หลงใหลเสน่ห์วัฒนธรรมไทย!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา


เสร็จสิ้นกันไปแล้วสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 29 หรือ “เอเปก 2022” ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ ซึ่งมองจากภาพการประชุม เชื่อว่า หลายคนเห็นตรงกันว่า “ประสบความสำเร็จ” ในทุกด้าน เพราะสามารถผลักดันวาระการประชุมเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งในฐานะเจ้าภาพคือ ไทย ในเรื่อง “เศรษฐกิจบีซีจี (BCG) ที่เป็นเศรษฐกิจในยุคอนาคต เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ผลักดันวาระเขตเศรษฐกิจเสรีเอเปก (FTAAP) ซึ่งเป็นเขตการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้ขับเคลื่อนต่อไป และที่น่าสนใจ ก็คือ ในการประชุมครั้งนี้ มีวาระการประชุมที่เน้นในเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เป็นหลัก ขณะที่ปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาค และมหาอำนาจถูกลดทอนลงไป โดยเฉพาะไม่ได้เห็นการ “วอล์กเอาต์” ในที่ประชุมระหว่างที่ตัวแทนประเทศคู่ขัดแย้งบางประเทศกล่าวปราศรัย

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นภาพรวมใหญ่ๆ ในวงการประชุมเอเปก ที่เอาเข้าจริงยังเป็นภาพกว้างๆ เป็นเรื่องอนาคต และเป็นเวทีของผู้นำและตัวแทนจากเขตเศรษฐกิจได้มาพบปะพูดคุยแสดงวิสัยทัศน์ แต่สิ่งที่ต้องโฟกัสให้เห็น ก็คือ การหารือแบบทวิภาคีกับบางประเทศดังที่เห็นกันไปแล้ว ระหว่างการประชุมแบบย่อยที่แยกออกมา ซึ่งบางประเทศมีการ “จัดเต็ม” ทั้งการต้อนรับ และการมาเยือนของ “แขกพิเศษ” คนสำคัญ

สิ่งที่ประเทศไทยจะได้ทันที ก็คือ “ภาพลักษณ์” ในด้านเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการประชุมเอเปกคราวนี้ เอาเฉพาะจำนวนแขกที่มาร่วมราว 5 พันคน มีเงินสะพัดนับหมื่นล้านบาท ที่สำคัญ มีบรรดาสื่อมวลชนจากทั่วโลกมารายงานข่าวการประชุมคราวนี้จำนวนมาก เพราะนี่คืองานระดับโลก และภาพที่เห็นก็ยืนยันได้ว่าไทยจัดงานได้สมบูรณ์แบบ จนได้รับคำชมจากผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปก ที่เอ่ยปากยกย่องไทยว่าจัดงานได้ระดับ “เวิลด์คลาส” สมบูรณ์แบบ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นางรีเบคกา สตามาเรีย ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการเอเปก ได้กล่าวในการประชุมของเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปก ว่า ชื่นชมการเป็นเจ้าภาพงานประชุมเอเปก 2022 ของไทยในปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ผู้นำจากเขตเศรษฐกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถกลับมาประชุมแบบพบหน้ากัน ในแง่โลจิสติกส์ สถานที่ต่างๆ ของไทย ถือว่าอยู่ในระดับเวิลด์คลาส และจัดการได้เยี่ยมยอด เป็นการจัดเตรียมงานที่เป็นเลิศ เอาใจใส่ดูแลให้ผู้เข้าร่วมประชุม มีความปลอดภัยทั้งจากการเดินทาง และจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะที่ในแง่สารัตถะก็สามารถทำให้เกิดความคืบหน้าท่ามกลางความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จปีหนึ่งของเอเปก

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำเอเปก จากทุกเขตเศรษฐกิจได้ร่วมรับรองปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ค.ศ. 2022 รวมทั้งได้ร่วมรับรอง “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG” หรือ “Bangkok goals on BCG Economy” ซึ่งทั้งในช่วงระหว่างการประชุม และระหว่างการหารือแบบทวิภาคี ผู้นำเอเปก ได้กล่าวชื่นชมความริเริ่มที่ประเทศไทยได้นำเสนอแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในการประชุมครั้งนี้ และเชื่อมั่นว่า โมเดลเศรษฐกิจ BCG จะสร้างการเติบโตของประเทศ และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ริเริ่มโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “โมเดลเศรษฐกิจ BCG” ตัว “B” คือ Bioeconomy หรือเศรษฐกิจชีวภาพ ตัว “C” คือ Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน และตัว “G” คือ Green Economy หรือเศรษฐกิจสีเขียว โดยมุ่งหวังให้เป็นกลไกยกระดับสถานะของประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในประชาคมโลก ทั้งนี้ โมเดลเศรษฐกิจ BCG ของประเทศไทย มีความสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) มากถึง 13 จาก 17 เป้าหมาย

จากการริเริ่มนำโมเดลเศรษฐกิจ BCG มาขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศในระยะเวลาประมาณ 2 ปี สามารถเริ่มเห็นผลที่เป็นรูปธรรม สอดรับกับเป้าหมายกรุงเทพ (Bangkok goals) ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG ที่ประเทศไทยได้มีการนำเสนอในการประชุมผู้นำเอเปกในครั้งนี้ โดยรัฐบาลได้ดำเนินการด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นั่นเป็นภาพสะท้อนออกมาจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่แสดงความชื่นชมการจัดงานของไทย ซึ่งจะว่าไปแล้วไทยเราก็ห่างหายจากการจัดงานระดับโลกมานานหลายปี จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ดังนั้น เมื่อกลับมาอีกครั้งและผลงานออกมาจนได้รับคำชมแบบนี้ เชื่อว่า หลังจากนี้ไปในเรื่อง “ภาพลักษณ์” เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ก็จะกลับคึกคักอีกครั้งอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน สิ่งที่น่าพิจารณาควบคู่ไปกับผลสำเร็จในการประชุมเอเปก คราวนี้ก็คือ ของประธานาธิบดีฝรั่งเศส “เอมมานูเอล มาครง” ที่มาในฐานะ “แขกพิเศษ” ของรัฐบาล ที่ถือว่าได้สร้างความประทับใจให้กับคนไทยไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ว่าจะเป็นการเยือนไทยครั้งแรก แต่ก็เรียกว่า “ได้ใจ” ไปเต็มๆ กับบุคลิกที่เป็นกันเอง สบายๆ และที่สำคัญเขาแสดงออกด้วยการ “หลงใหลวัฒนธรรมไทย” ชื่นชอบวิถีชีวิตไทยๆ จนเรียกเสียงกรี๊ดกันดังลั่นถนนที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนนี้เดินทางไปเยี่ยมชม

ภาพที่เขาไปเยี่ยมชม “ศิลปะมวยไทย” ที่สนามมวยราชดำเนิน เป็นการส่วนตัว เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยเขาให้ความสนใจศิลปะมวยไทย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง มีการชมการแข่งขันบนเวที มีการพูดคุยถ่ายภาพร่วมกับนักมวย และนักเรียนชาวฝรั่งเศสในไทย และคนไทยที่มาต้อนรับ และหลังจากนั้น นายมาครง ยังทวีตข้อความและแพร่คลิปการไปชมมวยที่เวทีราชดำเนินในทวิตเตอร์ส่วนตัว @EmmanuelMacron ที่มีผู้ติดตามกว่า 8.8 ล้านคนอีกด้วย

นอกจากนี้ ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ไปเยี่ยมชมวัดโพธิ์ มีการชื่นชม “พระนอน” ที่เขาบอกว่าสวยงามที่สุดในโลก และยังได้ไปเยาวราช หรือ “ไชน่าทาวน์” ของไทยอันโด่งดัง ซึ่งในคลิปที่เผยแพร่ออกมาให้เห็นเป็นภาพบรรยากาศเป็นกันเอง สบายๆ มีการทักทายประชาชนไปตลอดทาง รวมถึงมีการนั่งดื่มเครื่องดื่มในร้านแห่งหนึ่ง และในช่วงหนึ่งมีการอุ้มเด็กทารกขึ้นมาหอมแก้ม สร้างความประทับใจให้กับคนไทย และนักท่องเที่ยวที่พบเห็น และเรียกเสียงกรี๊ดเป็นระยะ ซึ่งต่อมามีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวออกมาเผยแพร่อีกด้วย

แน่นอนว่า ภาพที่ปรากฏดังกล่าวย่อมเป็นการสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทย มีเสน่ห์น่าหลงใหลและน่าค้นหาเพียงใด เพราะแม้แต่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอมมานูเอล มาครง ยังต้องปลีกเวลาอันจำกัด มาชื่นชมด้วยตัวเอง และนั่นก็น่าจะมาจากการได้รับข้อมูลมาก่อนหน้านี้ ว่า ไทย และกรุงเทพฯเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก มีชื่อเสียงในเรื่องอาหาร ที่พักมีคุณภาพ ราคาไม่แพง และมีความปลอดภัย ซึ่งนี่คือ “ซอฟต์ เพาเวอร์” ของไทยอันน่าหลงใหล อย่างน้อยก็มี “มาครง” อยู่ในนั้นแน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น