“จุรินทร์” ขอบคุณโพลแคนดิเดตนายกฯ สร้างภาพจำให้ ปชป. เป็นพรรครักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สะท้อนจุดยืนที่มั่นคงเรื่องคุ้มครององค์ประมุข และเชื่อมั่นนำประเทศพ้นวิกฤตเศรษฐกิจได้ ปัดหนุนออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม เตือนระวังจะสุดซอยเหมือนอดีต
วันนี้ (14 พ.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลโพลเรื่อง ภาพจำของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่นายจุรินทร์ มีภาพจำในเรื่อง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ว่า มันอาจจะสะท้อนว่าจุดยืน และสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำมาในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้น อยู่ในสายตาของประชาชน และมีเสียงตอบรับกับสิ่งที่เราได้แสดงออกไป เพราะจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าเราสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญให้ไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ขณะเดียวกันก็ต้องไม่แก้มาตรา 112 เพราะทุกประเทศต้องมีกฎหมายที่คุ้มครองประมุข และประเทศไทยมีองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เพราะฉะนั้นก็ต้องมีบทคุ้มครองประมุขของประเทศ ซึ่งก็คือองค์พระมหากษัตริย์เช่นเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้น สะท้อนให้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้ จุดยืนเหล่านี้ เป็นจุดยืนที่ประชาชนได้รับรู้ ส่วนเรื่องการแก้เศรษฐกิจปากท้อง พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีจุดยืน และตนก็มีจุดยืนที่ชัดเจนรวมทั้งการทำงานหนัก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพื่อมุ่งเน้นการสร้างเงินให้ประชาชน และประเทศ
“ต้องถือว่าพี่น้องประชาชนได้รับรู้สิ่งที่ผม และพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำมาในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ต้องขอขอบคุณกับการติดตาม และรับทราบว่าสิ่งที่ผมกับประชาธิปัตย์ต้องการทำให้กับประชาชน และคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งประเทศของเรานั้นเป็นอย่างไรบ้าง จะช่วยให้มีกำลังใจขึ้นเยอะครับ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดแข็งเหล่านี้จะส่งผลต่อการเลือกตั้งอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่สามารถที่จะตอบได้ ผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่ประชาชน แต่ทิศทางที่ชัดเจนก็คือ ประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับประชาธิปไตย แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยท้องอิ่ม ที่ต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยที่จะสร้างเงินให้ประชาชน และประเทศได้ ทำให้ประชาชนอิ่มท้องได้
“ทุกโพลก็เป็นกระจกเงาให้ทุกพรรคการเมือง ในการที่จะนำไปประกอบการพิจารณา ประชาธิปัตย์เองก็ทำโพลด้วย แต่สำคัญที่สุดที่จะตอบคำถาม และแม่นที่สุดก็คือประชาชนตัวจริง ทุกพรรคก็มีทั้งขึ้นและลง และมีหลายโพล ทุกพรรคการเมืองก็มีทั้งโพลที่ดี และโพลที่ไม่ดีเหมือนกัน ไม่มีพรรคไหนที่โพลดีตลอดกาลหรอก เราก็ต้องเชื่อมั่นในตัวของเรา และมั่นใจในประชาชน ประชาชนเป็นคำตอบที่ตรงที่สุด ชัดเจนที่สุด”
ส่วนกรณีที่มีผู้เสนอเรื่อง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ในสถานการณ์ช่วงนี้มีความเหมาะสมหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ขอวิจารณ์ แต่กฎหมายนั้นก็ต้องไปดูในหลักการเหตุผล และรายละเอียดด้วย ตนไม่สามารถที่จะตอบเร็วๆ ได้ในขณะนี้ว่าเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยอย่างไร และขอแยกพรรคออกไปว่า ไม่ใช่พรรคนี้เสนอแล้วเห็นด้วย พรรคนั้นเสนอแล้วไม่เห็นด้วย จะต้องไปดูเนื้อหา หลักการเหตุผล รายละเอียดทั้งหมดประกอบ
“การเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็เคยมีข้อสังเกต และมีประสบการณ์กันมาแล้ว เพราะตอนที่เกิด พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย แล้วทำให้บ้านเมืองเสียหายในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงปัจจุบัน คนก็ยังกลัวกันอยู่ เพราะเริ่มต้น หลักการไม่มีอะไร แต่สุดท้ายก็ไปบานปลายเอาตอนปลาย จากต้นซอยกลายเป็นสุดซอย นำมาซึ่งคนออกมาต่อต้านเป็นล้าน มหาศาลที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศ เราได้บทเรียนมาแล้ว อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่าเป็นอย่างไร ประกอบการพิจารณา แต่ไม่ได้แปลว่าครั้งนี้มันเป็นอย่างนี้ แต่เราเคยมีบทเรียนมาแล้ว เพราะฉะนั้นต้องตระหนัก ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่อย่างนั้นก็ ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปก็กลายเป็นบ้องกัญชา อันนี้ต้องระวัง และไตร่ตรองให้รอบคอบ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว