กมธ.ดีอีเอส เชิญ ปปง.-ปกครอง-ธปท.-สมาคมธนาคาร หารือปมใช้บัตรยืนยันฝาก-ถอน ATM ชี้ ควรใช้บัตร ปชช. แนะสมาร์ทการ์ดควรทำได้ทุกอย่าง 4 หน่วยงานขอกลับไปคุย หวังบูรณาการร่วมกัน ให้กระทบสังคมน้อยที่สุด
วันนี้ (14 พ.ย.) น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ดีอีเอส) กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ดีอีเอส ได้เชิญตัวแทนจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) กรมการปกครอง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เพื่อหารือเรื่อง ขั้นตอนการฝากเงินผ่านเครื่องฝากและถอนอัตโนมัติ ที่จะต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิต ซึ่งกมธ.ฯเห็นว่าเป็นเรื่องที่จะกระทบประชาชน เพราะอาจจะมีค่าบริการเพิ่ม โดยทาง กมธ. ได้ตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่ใช้บัตรประชาชน ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดเพื่อยืนยันตัวตน เพราะปัจจุบันคนส่วนมากไม่ค่อยพกบัตร จะใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือในการทำธุรกรรมแทน
น.ส.กัลยา กล่าวอีกว่า ทาง ปปง.ระบุว่า ได้รับการร้องเรียนในเรื่องนี้มาเช่นกัน ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับรูปแบบไม่ให้กระทบหรือกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด โดยประกาศที่จะให้ยืนยันตัวตนผ่านบัตรนั้นได้เลื่อนไปใช้ในเดือน มิ.ย. 2566 แล้ว โดยในระหว่างนี้จะศึกษาเรื่องการจัดทำระบบใหม่ โดยบูรณาการร่วมกันกับทั้ง กรมการปกครอง ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย เพราะที่ออกประกาศนั้นเพื่อป้องกันเกี่ยวกับการฟอกเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีการพัฒนารูปแบบไปเรื่อยๆ และกฎหมายที่มียังไม่ครอบคลุมเรื่องการเปิดบัญชีม้ามากพอ โดยอาจจะออกเป็น พ.ร.ก. ก่อน เพราะหากจะทำเป็น พ.ร.บ.ต้องใช้เวลานาน นอกจากนี้ ทางตัวแทนจากกรมการปกครอง ก็ขอไปดูเรื่องการพัฒนาบัตรเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียวสามารถทำธุรกรรมและติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ ได้
“ทั้ง 4 หน่วยงานต้องบูรณาการร่วมกันให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด อย่างสมาร์ทการ์ดเอง ก็มีการใช้กันมานานแล้ว แต่ก็ยังพบปัญหาในการใช้ ไม่ครอบคลุมทุกหน่วยงาน ยังไม่เป็นสมาร์ทการ์ดอย่างแท้จริง ซึ่งพวกเขาก็ต้องไปหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์และใช้ได้อย่างครอบคลุม โดย กมธ.ดีอีเอส จะมีการเชิญทั้ง 4 หน่วยงานมาหารือถึงความคืบหน้าอีกครั้งก่อนใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้” น.ส.กัลยา กล่าว