เครือข่ายภาค ปชช.แต่งดำบุกทำเนียบ จี้ “บิ๊กตู่-ครม.” คว่ำข้อเสนอเปิดผับถึงตี 4 หวังดึงเงินนักท่องเที่ยว ไม่สนคนเจ็บ ตาย พิการ บนท้องถนน บี้ “อนุทิน” ปรามลูกพรรค หยุดสร้างภาระให้ระบบสุขภาพไทย แนะ “พิพัฒน์” ลงพื้นที่ดูชีวิตเหยื่อเมาแล้วขับกระตุ้นสำนึก
วันนี้ (11 พ.ย.) เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ร่วมกับ เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับกรุงเทพมหานคร เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ เครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุราและภาคีเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่งชุดดำเดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านทาง นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการขยายเวลาการเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. ที่เสนอโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 65 โดยขอเรียกร้องให้ ครม.ไม่ให้ความเห็นชอบกับข้อเสนอดังกล่าว ในโอกาสเดียวกันนี้ ภาคีเครือข่ายยังได้ร่วมกันวางพวงหรีด เพื่อไว้อาลัยนโยบายทำลายสังคม และแสดงละครสั้นสะท้อนปัญหาที่จะตามมาชุด “ยังเจ็บตายกันไม่พออีกหรือ”
นายเจษฎา แย้มสบาย ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ที่ผ่านมา เครือข่ายภาคประชาชนได้สนับสนุนภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อหวังลดปัญหาที่เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งเหตุรุนแรง ทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุทางถนน แต่ล่าสุด นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมที่จะเสนอนโยบายขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. จากเดิม 02.00 น. ต่อที่ประชุม ครม.ในการประชุมวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจาก ครม. จะมีพื้นที่นำร่องที่ขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. ได้แก่ ถนนบางลา ในภูเก็ต กระบี่ พังงา สมุย เมืองพัทยา และ 3 พื้นที่ในกรุงเทพฯ คือ ถนนข้าวสาร ซอยคาวบอย และซอยพัฒนพงษ์
นายเจษฎา กล่าวต่อว่า ที่ให้เหตุผลว่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น จริงหรือไม่ เพราะชาวต่างชาติที่มาเที่ยวไม่ได้มาเพื่อเข้าผับบาร์ แต่มาเพื่อท่องเที่ยวในสถานที่อื่นๆ มากกว่า แต่คนที่จะไปเที่ยวผับบาร์ คือ คนหนุ่มสาว คนทำงาน นอกจากเสี่ยงรับเชื้อโควิดกลับไปติดคนที่บ้านแล้ว กว่าจะออกจากผับตีสี่ก็เกือบสว่าง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนเริ่มออกมาทำมาหากิน เด็กนักเรียนเดินทางไปโรงเรียน เสี่ยงได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุทางถนนจากคนเมาแล้วขับอีก ซึ่งที่ผ่านมา ต่อให้ไม่เปิดผับถึงตีสี่ แต่อุบัติเหตุดื่มแล้วขับสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล โดยปี 2564 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 13,488 ราย บาดเจ็บ 880,177 ราย สาเหตุหลักมาจากการขับเร็ว เมาสุรา ส่วนปี 2565 ข้อมูลจนถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 มีผู้เสียชีวิตแล้ว 12,461 คน
ด้าน นางสาวเครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต กล่าวว่า เครือข่ายขอแสดงจุดยื่นและมีข้อเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้ 1. ขอประณามและคัดค้านนโยบายขยายเวลาปิดผับบาร์ถึง 04.00 น. ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีไม่ให้ความเห็นชอบกับข้อเสนอนี้ เพราะปัจจุบันผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้านเหล้าผับบาร์ มีมากเกินกว่าที่สังคมจะรับไหว ทั้งการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย ความรุนแรงในครอบครัว ดื่มแล้วขับ อุบัติเหตุและปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสุขภาพ รวมถึงการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งประเทศไทยไม่ควรใช้การกินดื่มหรืออบายมุขมาเป็นจุดขาย และที่ผ่านมา ไม่เคยมีข้อมูลว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมาเมืองไทยด้วยจุดขายดังกล่าว เราควรดึงนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีศักยภาพในการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าเอาใจนักท่องเที่ยวสายกินดื่ม ซึ่งมีไม่น้อยที่จะตามมาด้วยเซ็กซ์และยาเสพติด ปัญหาความไม่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เช่น กรณีที่มีข่าวนักท่องเที่ยวต้องมาตาย เพราะโดนคนเมาแล้วขับชน ถูกข่มขืน ทำร้ายร่างกาย จี้ปล้น คือ สิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ ควรมุ่งสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวมากกว่าเพิ่มความเสี่ยงให้เขา รวมถึงคนไทยที่จะได้รับผลกระทบด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ข้อเสนอนี้จะกำหนดให้เป็นบางพื้นที่นำร่อง ก็ไม่ควร เพราะยิ่งเป็นการเลือกปฏิบัติ ไม่เป็นธรรม ท้ายที่สุดแล้วคนที่อยู่นอกพื้นที่ก็จะเดินทางเข้าไปใช้บริการ ซึ่งจะยิ่งสร้างปัญหาโดยเฉพาะเมาแล้วขับ สุดท้ายการปล่อยให้ดื่มถึงตี 4 เท่ากับการเพิ่มเวลาเมา ทำให้ยิ่งเพิ่มคนเมาแล้วขับบนถนน และจะเป็นเวลาเช้าที่คนจำนวนมากต้องออกไปเรียน ไปทำงาน อาจต้องเสี่ยงตายจากคนเมาแล้วขับที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายนี้
2. ขอเรียกร้องไปยัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ควรมีจุดยืน ไม่เพิ่มภาระทางการแพทย์และสาธารณสุข ควรสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในฐานะที่เป็นลูกพรรคภูมิใจไทยยุติการผลักดันนโยบายนี้ ซึ่งกำลังสร้างความสับสนว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทย หรือกำลังทำตามการล็อบบี้ของกลุ่มธุรกิจและทุนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ข้ามชาติ โดยไม่สนใจความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสังคมไทยหรือไม่ และ 3. เครือข่ายฯ ขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะที่ผลักดันเรื่องนี้ ลงไปสัมผัสเหยื่อจากคนเมาแล้วขับที่ ครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้พิการ ครอบครัวแตกแยก ผู้หญิงที่ถูกทำร้าย เด็กที่ถูกทอดทิ้ง เพื่อกระตุ้นสำนึกในความเป็นมนุษย์ มากกว่าการหวังกระตุ้นการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวสายเมาเพียงอย่างเดียว