xs
xsm
sm
md
lg

ผู้มีเอี่ยวทุนจีนสีเทาเล่น catch me if you can “ธรรมนัส” เคลื่อนไหวยันเป็น “สีขาว” นะจ๊ะ! **“ก้าวไกล” เล่นเกม 2 หน้า ร่วมขบวนการเตะตัดขากัญชา เอาคืน พ.ร.บ.สุราฯ โดนคว่ำ สุดท้ายก็แค่พรรคการเมืองดาดๆ ข้ามไม่พ้นประโยชน์ตัวเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ผู้มีเอี่ยวทุนจีนสีเทา เล่น catch me if you can “ธรรมนัส” เคลื่อนไหวยันเป็น “สีขาว” นะจ๊ะ!

ว่าด้วย “กลุ่มทุนจีนสีเทา” ที่เข้ามาทำมาหากินบนผืนแผ่นดินไทย เป็นล่ำเป็นสันอย่างที่ เฮียชู “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” เปรียบเหมือน “เพลี้ย” ที่เข้าดูดทรัพยากรเราจนเหือดแห้งแล้วก็ตีจากไป

กลุ่มคนเหล่านี้ มีทั้งเข้ามาทำธุรกิจนอมีนี “ใส่สูทปล้น” ไปจนถึงธุรกิจผิดกฎหมาย โดยมีคนไทย เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองใหญ่ เป็นเครือข่าย ให้ความช่วยเหลือ และเป็นหุ้นส่วน

หลังจาก “บ่อน” และ “ผับศูนย์เหรียญ” ย่านยานนาวา ถูกเจ้าหน้าที่ทลายและเวลานี้ขยายผลหลายคนโดนไล่ล่า ตามขยี้อย่างหนัก ก็หลบลี้หนีหายออกช่องทางธรรมชาติไปกบดานที่ต่างประเทศไม่ใกล้ไกลจากไทยนั่นแหละ แต่สำหรับ “ขาใหญ่” คนไทย ที่ให้ความช่วยเหลือเป็นหุ้นส่วนของกลุ่มทุนจีนสีเทา เห็นว่า ยังใช้ชีวิต ชิลๆ เข้าทำนอง “catch me if you can” แน่จริงก็หาหลักฐานมาจับดิ

พูดถึง “หลักฐาน” ในเรื่องนี้ซึ่งชูวิทย์พูดแล้วก็หอบไปให้ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แต่ปรากฏคู่กรณีที่ชื่อ “สันธนะ ประยูรรัตน์” ท้าทายไร้มารยาท ด้วยการไปเคาะประตูตะโกนเสียงดังระหว่างที่อยู่กับ “บิ๊กโจ๊ก” จน “เฮียชู” หัวร้อนขั้นสุด รับไม่ได้กับ “สันธนะ” พอเผชิญหน้าก็หวุดหวิดจะ “วางมวย” กันที่ สน.ทองหล่อ

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
เรียกว่า คนคู่นี้ไม่น่าจะปรองดองกันได้ซะแล้ว และคงจะต้องปะทะกันอีกหลายยกจากนี้ไป ทางใครทางมัน

ส่วนที่มีแรงเชียร์ อยากให้มีโปรโมเตอร์จัดมวยไฟต์พิเศษ ระหว่างตัวเอง กับสันธนะ “เฮียชูวิทย์” บอกว่า ถ้า “สันธนะ” เป็นคนจริงก็นัดมาเจอกันเลย สะดวก วัน เวลาใด ให้แจ้งมาพร้อมเสมอ เพราะแค่ตัวเองผลักสันธนะเบาๆ ก็ล้มแล้ว และหากสามารถยืนอยู่ได้เกิน 1 นาที โดยไม่ล้มจะกราบเท้าให้ดู และหากตายไปเป็นผี ก็จะไปเป็นผีเกาะหลังสันธนะ พร้อมกับเตือนสันธนะ อย่าพลาดละกัน

งานนี้ เฮียชูใส่เกียร์ห้ารุกฆาต “สันธนะ” จะพลาดหรือไม่ ยังไมรู้ รู้แต่ว่า “ชูวิทย์” เป็นมวยพอตัว ตั้งรางวัลให้กับประชาชนคนใดที่มีหลักฐาน หรือคลิปวิดีโอการกระทำความผิดหรือไม่ของสันธนะ ขอให้ส่งมาที่ตัวเขาจะจ่ายเป็นเงิน 100,000 บาทไปเลย

ระหว่าง “ชูวิทย์ ไฝว้กับ สันธนะ” ถือเป็นรายการบันเทิงคั่นรายการหนักๆ ของเรื่องนี้ เพราะเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทาเป็นเรื่องใหญ่ของชาติมากกว่าแค่คนสองคนทะเลาะกันแน่ๆ

สันธนะ ประยูรรัตน์
ในสภาเมื่อวาน (10 พ.ย.) มีการตั้งกระทู้ถามรัฐบาลถึงความคืบหน้าในการถอนรากถอนโคนกลุ่มอาชญกรทางเศรษฐกิจเหล่านี้ ซึ่งฟังว่ารัฐบาลเชื่อว่า จะรวบรวมหลักฐานขยายผลกลุ่มคน และเครือข่ายที่เชื่อมโยงได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งก็สอดคลัองกับคำคาดการณ์ของชูวิทย์ ที่มีวงในกระซิบบอกเขาว่า จะมีรายการออกหมายจับ “ขาใหญ่การเมือง” ที่เอี่ยวทุนต่างชาติสีเทาแน่

แน่นอนเรายังไม่รู้ว่า ขาใหญ่การเมืองคนนั้นเป็นใคร แต่ก็ปรากฏมี “ขาใหญ่” ที่ชื่อ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย เคลื่อนไหวโดยเผยแพร่คลิป ถึงกรณีบุคคลและสื่อมวลชนหลายสำนักวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้

“ธรรมนัส” บอกว่า ที่ผ่านมา กว่า 2 สัปดาห์ พยายามนิ่ง ไม่โต้ตอบกรณีบุคคล หรือ “สื่อมวลชนบางรายที่เคยรักใคร่กันดี” พยายามวิพากษ์วิจารณ์พาดพิงตัวเองว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาต่างๆ

เขาว่า ปีนี้อายุ 58 ปีแล้ว เดินทางไปหลายประเทศ มีเพื่อนรู้จักและคบคนหลายเชื้อชาติ ทั้งฝรั่ง จีน ไทย อินเดีย หรืออื่นๆ เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้ทำธุรกิจอะไรที่เกี่ยวข้องกับคนจีนสีเทาดังกล่าว ตามที่ถูกกล่าวหา โดยก่อนหน้ามาทำงานการเมือง ก็ทำธุรกิจหลายอย่าง และมาถึงเวลานี้เป็นนักการเมืองแล้ว พร้อมถูกตรวจสอบ แต่ต้องถูกต้องตามกฎหมายนะ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล - ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
ดังนั้น จึงขอวอนสื่อมวลชน อย่าโยงตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับ “กลุ่มทุนจีนสีเทา” ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหาย ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม และให้ความเป็นธรรม ขอให้แยกแยะกลั่นกรองข้อมูลก่อนจะวิจารณ์ตัดสินว่าใครดีหรือไม่ดี จนสร้างความเสียหายต่อคนอื่น ก็หวังว่าจะนำเสนอข่าวบนข้อมูลถูกต้อง ดีกว่าจะต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลกันเป็นว่าเล่น

สรุปว่า งานนี้มีให้ติดตามรับชมทั้งมวยคู่ระหว่าง ชูวิทย์ vs สันธนะ, ปฏิบัติการถอนรากถอนโคนกลุ่มทุนจีน และ หมายจับ “ขาใหญ่การเมือง” ที่มีเอี่ยว จะเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร...โปรดติดตามอย่ากะพริบตานะจ๊ะ

**“ก้าวไกล” เล่นเกม 2 หน้า ร่วมขบวนการเตะตัดขากัญชา เอาคืน พ.ร.บ.สุราฯ โดนคว่ำ สุดท้ายก็แค่พรรคการเมืองดาดๆ ข้ามไม่พ้นประโยชน์ตัวเอง


แปลกแต่จริง การปลดล็อกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์มาโดนกระแสคัดค้านโหมกระหน่ำกันแบบเต็มคาราเบล จะเอาเป็นเอาตายกันในช่วงนี้ ทั้งที่เรื่องนี้ภาคประชาชน หมอพื้นบ้าน วงการแพทย์เคลื่อนไหวกันมานาน

จนพรรคภูมิใจไทยนำไปต่อยอดเป็นนโยบายหาเสียง และเมื่อได้ร่วมรัฐบาลก็พยายามทำตามที่เคยสัญญาเอาไว้ มาถึงวันนี้ ก็ถือว่าสำเร็จไปแล้วหลายขั้นตอน ตั้งแต่การแก้ไข พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อปลดล็อกกัญชา ที่ผ่านสภาออกมามีผลใช้บังคับ เมื่อปลายปี 64 ต่อมาต้นปี 65 ก็ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขออกมารองรับ เพื่อมากำกับดูแลการใช้กัญชาไปพลางก่อนที่ พ.ร.บ.กัญชา จะผ่านออกมาใช้บังคับในรายละเอียด

คือ ถ้าฝ่ายต่อต้านกัญชา เชื่อว่า การปลดล็อกกัญชาเป็นอันตราย หรือมีผลเสียจริงๆ ทำไมไม่คัดค้านตั้งแต่ตอนจะแก้ พ.ร.บ.ยาเสพติด ไม่ให้มีการปลดล็อกแต่แรก แต่กลับมาค้านตอนที่ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ มาถึงชั้น กมธ. แล้ว และกำลังจะเข้าวาระ 2-3

ยิ่งใกล้วันจะหมดวาระสภา ใกล้วันที่จะมีการเลือกตั้ง กระแสคัดค้านปลดล็อกกัญชา ยิ่งโหมกระหน่ำ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ที่ถูกบรรจุเข้าวาระตั้งแต่วันเปิดสมัยประชุมสภา 2 พ.ย.ก็ถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ

ล่าสุด เมื่อวาน (10 พ.ย.) มีหมอคนหนึ่งนามว่า “สมิทธิ์ ศรีสนธิ์” พกดีกรี กรรมการแพทยสภา และนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน 5 คน อันได้แก่ “สุทิน คลังแสง” พรรคเพื่อไทย “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” เลขาฯพรรคประชาชาติ “ณัฐวุฒิ บัวประทุม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล “วิรัตน์ วรศสิริน” รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ “นิคม บุญวิเศษ” หัวหน้าพรรคพลังปวงชนชาวไทย เดินทางมามายื่นฟ้อง รมว.สาธารณสุข และคณะกรรมการ ป.ป.ส. ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีคําสั่งเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ 8 ก.พ. 65 เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 65 และให้กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามประกาศฉบับเดิม

ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว
“หมอสมิทธิ์” อ้างเหตุผลว่า การออกประกาศฉบับวันที่ 8 ก.พ. 65 ที่มีผลให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติดให้โทษอีกต่อไปนั้น ไม่มีมาตรการทางกฎหมายออกมาควบคุมคุ้มครองประชาชนผู้บริโภค เกี่ยวกับกัญชาโดยเฉพาะ ขัดต่อนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไว้ว่าแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

ก็ไม่รู้ว่าคุณหมอกับ ส.ส.ทั้ง 5 ไปหลบอยู่มุมไหนของโลก ถึงไม่รู้ว่า หลังจาก สธ.ออกประกาศฉบับ วันที่ 8 ก.พ. 65 ซึ่งมีผลใช้บังคับในอีก 4 เดือนถัดมา คือ วันที่ 9 มิ.ย. 65 แล้ว ก็มีการออกประกาศอีกหลายฉบับ เช่น ประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม และประกาศให้ควันกัญชาเป็นเหตุเดือดร้อนรำคาญ

แล้วถ้าเป็นห่วงเป็นใยนักหนาว่าจะไม่มีกฎหมายคอยกำกับดูแลการใช้กัญชา ทำไมท่าน ส.ส.ไม่ช่วยกันผลักดันให้ร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง ผ่านออกมาใช้บังคับให้เร็วๆ ไปเล่นเกมเตะถ่วงกันอยู่ทำไม

เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อวานเช่นกัน “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาฯ พรรคก้าวไกล และ “นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง” ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ไปยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ร้องเรียนว่า รมว.สาธารณสุข และ ป.ป.ส. ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

พร้อมเสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมายจากกรณีการออกประกาศ สธ. เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 65 ซึ่งมีผลในการปลดล็อกกัญชาออกจากเป็นพืชยาเสพติด

“หมอวาโย” อ้างว่า ประกาศดังกล่าวขัดกับกฎหมายหลักที่ต้องการควบคุม และปราบปรามยาเสพติด ที่กำหนดให้สารสกัดในปริมาณใดปริมาณหนึ่งเป็นยาเสพติด แต่สารที่นำมาตั้งต้นไม่เป็นยาเสพติด จึงเสนอให้กลับไปใช้ประกาศฉบับลงวันที่ 8 ธ.ค. 63 แทน เพราะน่าจะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการปลดล็อกกัญชาออกจากพืชยาเสพติดเพื่อทางการแพทย์มากกว่า

นี่ก็อีกละ “หมอวาโย” ทราบบ้างไหม ก่อนประกาศฉบับ 8 ก.พ. 65 มีผลใช้บังคับ มีชาวบ้านตาดำๆ ถูกจับไปกี่รายเพียงเพราะปลูกกัญชาต้นเดียวไว้ในบ้าน เพื่อรักษาตัวเอง บางคนถึงกับต้องนอนคุก เพราะไม่มีเงินประกันตัว ลองนึกดูถ้ากลับไปใช้ประกาศฉบับเดิม ชาวบ้านตัวเล็กตัวน้อยที่ใช้กัญชารักษาตัวเองเพื่อลดค่าใช้จ่าย จะต้องโดนอะไรบ้าง

การกระทำแบบหิวแสงของ ส.ส.พรรคก้าวไกล สร้างความผิดหวังอย่างแรงให้แก่อดีตคนเดือนตุลา อย่าง “ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์” ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ที่ไม่เห็นด้วยอย่างแรงกับการไปยื่นผู้ตรวจการฯ หรือศาลปกครองให้ระงับประกาศดังกล่าว

ประธานสภาเกษตรฯ บอกว่า ยิ่งเป็นคนของพรรคก้าวไกลมาเสนอ ตนยิ่งผิดหวัง เพราะ พ.ร.บ.กัญชาฯ ท่านก็หนุนให้ผ่านวาระ 1 มาด้วยกัน ท่าทีของท่านก็สนับสนุนเรื่องให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากกัญชา ใน กมธ.ผู้ร่าง พ.ร.บ.ตัวแทนของพรรคก้าวไกล อย่าง เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร และ ประสิทธิชัย หนูนวล ก็เข้าใจคุณค่าและประโยชน์ของกัญชา แต่มาวันนี้ “หมอวาโย” กลับจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกแล้ว

“สรุปว่า พรรคก้าวไกลจะเอาอย่างไรกันแน่ หรือว่าท่านกำลังเล่น 2 หน้า แบบนี้ ทำให้ประชาชนสับสน แล้วชื่อพรรคท่านคือก้าวไกล ท่านเป็นพรรคที่ขายความก้าวหน้าเชิงนโยบาย แต่ที่ท่านทำอยู่ ท่านกำลังทำเรื่องที่มันถอยหลัง”

พรรคก้าวไกล บอกว่า มีนโยบายเปิดโอกาสให้ประชาชนมีช่องทางทำมาหากินเพิ่มขึ้น แต่จากท่าทีของ “หมอวาโย” ตกลงแล้วจะเอาอย่างไร อย่าลืมว่า ปัจจุบัน มีเกษตรกรนับแสนคนปลูกกัญชา มีรายได้จากกัญชา ใช้ประโยชน์จากกัญชากันแล้ว ลงทุนกันไปแล้ว คนป่วยก็รักษากันไปแล้ว แต่จะมาบอกให้เอากลับไปเป็นยาเสพติด แล้วประชาชนนับล้านจะทำอย่างไร

“เรื่องนี้ มันมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งผมหลุดไปจากตรงนั้นนานแล้ว ให้รายละเอียดไม่ได้ แต่ผมเชื่ออย่างนี้ เพราะมันดูไม่เป็นเหตุเป็นผลกันไปหมด สนับสนุนสุรา แต่ไม่สนับสนุนกัญชา เคยเชียร์กันมา แล้วอยู่ดีๆ ก็ออกมาคว่ำ มันแปลกๆ มันคิดอย่างอื่นไปไม่ได้”

นั่นคือข้อสรุปจากอดีตคนเดือนตุลาที่เคยถือไม้กระบองท้าสู้กับรถถังมาแล้ว

นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง - ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์
ขณะที่ “รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว” อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา มองเรื่องนี้เป็น 2 มุม มุมหนึ่งเป็นการยื่นโดยนพ.วาโย ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค ถ้าเป็นเช่นนี้ เป้าหมายเป็นไปเพื่อหาพื้นที่ทางการเมือง

อีกมุมหนึ่ง หากเรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล ตรงนี้ พรรคจะได้รับแรงต้านอย่างยิ่ง เพราะพรรคก้าวไกลเองก็เป็นพรรคหนึ่งที่สนับสนุนนโยบายกัญชา ตัวหัวหน้าพรรคก็เคยพูดเรื่องการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

แล้วอยู่ดีๆ มาเปลี่ยนจุดยืนแบบนี้จะถูกมองได้ว่าเป็นการทำลายความไว้วางใจของประชาชน ต้องระมัดระวัง

ทว่า หากพรรคตัดสินใจแล้วที่จะทำแบบนี้ ความเคลื่อนไหวของหมอวาโย คือ ทิศทางใหม่ของพรรค ก็มองได้ว่าเป็นเรื่องของการขบเหลี่ยมกันทางการเมือง เมื่อ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าไม่ผ่าน เรื่องกัญชาเขาก็พร้อมขวาง เพื่อตัดคะแนนคู่แข่งเช่นกัน ซึ่งไม่แปลกใจ เพราะการเมืองก็เล่นกันแบบนี้

แต่ที่น่าคิดคือ พรรคก้าวไกล ก็ลงมาเล่นเกมเดียวกันแล้วหรือ

ถ้านี่คือ การตัดสินใจของพรรค เท่ากับพรรคก้าวไกล กำลังทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประชาชน ทั้งที่พรรคก้าวไกลพยายามบอกกับสังคมว่าเป็นพรรคการเมืองของความหวัง และพรรคการเมืองของอนาคต แต่ที่พรรคก้าวไกลทำในวันนี้ได้เปลือยให้สังคมได้เห็นว่าพรรคก้าวไกลก็ไม่ต่างกับพรรคการเมืองอื่นที่ข้ามไม่พ้นประโยชน์ตนเอง

นั่นหละฮะท่านผู้ชม มุมมองของ “ดร.โอฬาร” น่าจะตรงใจใครหลายๆ คนทีเดียว และพรรคก้าวไกลคงต้องเก็บไปขบคิดให้หนัก ถ้ายังคิดว่าจะเป็นพรรคการเมืองความหวังและอนาคตของประชาชน ไม่ใช่แค่พรรคการเมืองกะโหลกกะลาทั่วไป


กำลังโหลดความคิดเห็น