“เพจลุงตู่ตูน” กางเรตติ้ง “ประยุทธ์” ชูมีคะแนนนิยมส่วนตัว แย้มเลือกสังกัดพรรคไหนก็ได้

“แฟนเพจลุงตู่ตูน” ยกผลสำรวจความนิยมทางการเมือง “นิด้าโพล” รายภาค สะท้อน “ประยุทธ์” มีคะแนนนิยมส่วนตัว ด้วยจุดเด่นซื่อสัตย์-บ้านเมืองสงบ สวนทาง “บางพรรค” ที่ขาลงแบบกู่ไม่กลับ แย้มเลือกสังกัดพรรคไหน ก็มีแต้มติดตัวไปด้วย

วันนี้ (7 พ.ย.) แฟนเพจเฟซบุ๊ก “ลุงตู่ตูน” ซึ่งสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์ข้อความถึงผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ” รายภูมิภาคของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ในส่วนที่เกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยระบุว่า ใครว่าคะแนนนิยม “ลุงตู่” ไม่ดี เบิกตาดูผลโพลแล้วจะรู้

โดยผลสำรวจคะแนนนิยมของ “นิด้าโพล” ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูงสุดในประเทศไทย ไล่สำรวจ “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ” รายภูมิภาค สะท้อนว่า คะแนนนิยมส่วนตัวของ “ลุงตู่” ที่ว่ากันว่าอยู่ในช่วงขาลง ยังคงมีคะแนนสูง สวนทางกับคะแนนนิยมของพรรคการเมืองบางพรรค ที่อยู่ในสภาพกู่ไม่กลับ

กทม. ได้รับเลือกมาเป็นที่ 2 ด้วย 15.20%

ภาคใต้ ได้รับเลือกมาเป็นที่ 1 ด้วย 23.94%

ภาคอีสาน ได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับ 4 ที่ 9.85%

ภาคเหนือ ได้รับเลือกมาเป็นอันดับ 3 ด้วย 12.65%

โดยเหตุผลที่ประชาชนจากทุกภาคเทคะแนนให้ “ลุงตู่” เพราะซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง

เห็นได้ว่า คะแนนิยมในตัวของ “ลุงตู่” มาจากความชื่นชอบตัวบุคคล ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคการเมืองที่สังกัด ดังนั้น ความนิยมที่อยู่กับตัวของ “ลุงตู่” ไม่ว่าจะเลือกสังกัดพรรคการเมืองใด คะแนนนิยมจะตามตัว “ลุงตู่” ไป ผิดกับพรรคการเมืองบางพรรค หากวันใดไม่มีชื่อของ “ลุงตู่” คะแนนนิยมแทบไม่เหลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายภูมิภาคของนิด้าโพล ทั้ง 4 ภูมิภาค ประกอบด้วย ภาคอีสาน, ภาคใต้, กทม. และภาคเหนือนั้น พบว่า คะแนนนิยมในทุกภูมิภาคของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นมากกว่าในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งปี 2562 อยู่พอสมควร ต่างจากในส่วนของว่าที่แคนดิเดตนายกฯ รายอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่มีคะแนนนิยมน้อยกว่าคะแนนนิยมของพรรคการเมืองที่สนับสนุน

ทั้งนี้ การโพสต์ข้อความของแฟนเพจลุงตู่ตูนในครั้งนี้ ถือเป็นที่จับตามองในวงการการเมืองเป็นอย่างมาก ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งสำคัญภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจการประชุมเอเปก 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ