xs
xsm
sm
md
lg

สึนามิ ข่มแลนด์สไลด์! “สร้างอนาคตไทย” เจาะพื้นที่อีสาน “สมคิด” ถามชัดๆ เงินห้าร้อย-พันหนึ่ง กับอนาคตลูกหลาน จะเลือกอะไร ** ปชป.กุมพื้นที่ภาคใต้ไว้ไม่อยู่ ถูก พปชร.-ภท.บุกทะลวงหนัก !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว


**สึนามิ ข่มแลนด์สไลด์! “สร้างอนาคตไทย” เจาะพื้นที่อีสาน “สมคิด” ถามชัดๆ เงินห้าร้อย-พันหนึ่ง กับอนาคตลูกหลาน จะเลือกอะไร


สร้างความฮือฮาไม่น้อยทีเดียว สำหรับการเปิดเวทีปราศรัยประกาศนโยบายของพรรค “สร้างอนาคตไทย” โดย “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ประธานพรรค ที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในฐานะที่เคยเป็นมือเศรษฐกิจทั้งของรัฐบาลยุค “ไทยรักไทย” มาจนยุค “ลุงตู่” ก่อนปลีกตัวออกไปเมื่อ 2 ปีก่อน ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ประกาศว่า การกลับมาครั้งนี้ สิ่งแรกเลย นโยบายใดๆ ที่ในอดีตตนเคยเป็นคนกำกับดูแล และสร้างมันขึ้นมา จะสานต่อและทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีก

เรื่องสำคัญเบอร์ต้นๆ เลย ก็คือ ประชาชนมีหนี้สินทั้งนั้น สมัยที่อยู่พรรคไทยรักไทยเคยพักหนี้เกษตรกร แต่สิ่งที่จะทำต่อคือ จะพักหนี้ทั้งต้น ทั้งดอก 5 ปี และมีมากกว่านั้น การพักดอกต้องเติมเงินใหม่ ต้องมีสินเชื่อใหม่ที่จะต้องไม่เอาไปหักดอกและต้น

นอกจากนั้น จะเติมเงินกองทุนหมู่บ้านให้เต็ม นโยบายที่เคยทำงานอย่าง โอทอป จะสานต่อ เอาการท่องเที่ยวเข้าไปในหมู่บ้าน

ขณะเดียวกัน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่คิดขึ้นมาสมัยร่วม “รัฐบาลลุงตู่” ก็มีนโยบายที่จะต่อยอดแล้ว แต่ยังไม่บอกวันนี้ เอาไว้เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน

“วันนี้คนอีสาน เกษตรกรทั่วประเทศ ไม่มีเงินแล้ว เราจะใช้นโยบาย ปุ๋ยคนละครึ่ง เกษตรกรครึ่ง รัฐบาลครึ่ง และอีกหน่อยจะประกาศอุตสาหกรรมเกษตรสีเขียวที่นี่ เกษตรแปรรูป ที่จะทำให้คนอีสานอยู่ได้”

ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ย้ำอีกว่า วันนี้นักการเมืองไทย อย่าไปพูดว่าประชาธิปไตย หรือเผด็จการ เราทุกคนอยู่บนประชาธิปไตยทั้งนั้น อยู่ที่นโยบาย ถามประชาชนเชื่อพรรคไหน... ถ้าเชื่อสมคิด มั่นใจพรรค เลือกสร้างอนาคตไทย พรรคเดียว!!

“เราไม่สร้างแลนด์สไลด์ แต่เราจะสร้างสึนามิเลย มาอุบลราชธานี ไม่ได้มาพูดเล่นๆ แต่ต้องการให้เสียงของผมไปทั้งอีสานเลย อย่าดูถูกคนอีสาน อย่าคิดว่าเงินซื้อได้ วันนี้ผมจะต่อรองกับเขา ระหว่างเงินห้าร้อย พันนึง กับอนาคตลูกหลานของคุณ จะเลือกอะไร”

ด้าน “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรค ก็เสริมว่า การตัดสินใจมาที่นี่ ไม่ได้มาแบบเล่นๆ แต่มาครบทีมใหญ่ เพราะจะบอกว่า “พรรคสร้างอนาคตไทย”พร้อมแล้วที่จะปักหลักสร้างอนาคตไทย ในอีสาน และ จ.อุบลราชธานี

มาวันนี้เพื่อจะมาชวนพี่น้องว่า ถ้าจะออกจากความลำบาก ต้องสนับสนุนพรรคสร้างอนาคตไทย อนาคตและชีวิตของพี่น้องอยู่ที่พี่น้องจะจับมือกับพวกเราเพื่อยึดอีสานไปด้วยกัน

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
สิ่งแรกที่พรรคสร้างอนาคตไทย จะทำคือแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม จะทำให้ จ.อุบลราชธานี ออกจากความยากจน เราจึงประกาศตั้งกระทรวงน้ำ ที่ผ่านมา น้ำไม่มีทำมาหากินไม่ได้ พอน้ำมีก็ท่วม รัฐบาลใช้เงินเป็นแสนล้านบาท แต่น้ำก็ท่วมทุกปี ต่อจากนี้น้ำจะไม่ท่วมอุบลราชธานี ถ้าท่วม รอ 3-7 วัน ก็จะหมด

สิ่งที่สอง คือ แก้ปัญหาหนี้สิน เราเตรียมเงินไว้ 3 แสนล้านบาท เอาไว้แก้หนี้ แก้ความยากจนให้พี่น้อง

สิ่งที่สามคือ แก้ปัญหาราคาข้าว ราคามันตกต่ำ เราจะเอาราคาข้าวหอมมะลิเกิน 15,000 บาทต่อตัน และจะกดราคาปุ๋ย ให้เหลือครึ่งเดียว

และสิ่งที่สี่คือ แก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ที่เห็นบิลแต่ละเดือนเห็นแล้วจะขาดใจตาย

“เลขาฯ สนธิรัตน์” ย้อนความหลังตอนออกจากรัฐบาลลุงตู่ ว่า รัฐบาล คสช.ไม่มีมือเศรษฐกิจ จึงเชิญ นายสมคิด และพวกตนเข้าไปร่วม และตั้งพรรคพลังประชารัฐขึ้นมา แต่หลังเลือกตั้งปี 2562 รัฐบาลเอาการเมืองเป็นตัวตั้ง จึงบีบพวกตนออก บอกว่า พวกตนไม่ใช่นักการเมือง วันนี้ พวกเราต้องมาเพราะน้ำตาของพี่น้อง และไม่อยากเห็นลูกหลานไม่มีอนาคตกับประเทศไทย เราจะสำเร็จหรือไม่ อนาคตของพี่น้องและประเทศ อยู่ในสองมือของพี่น้องว่าจะจับมือไปด้วยกันหรือไม่ เพื่อสร้างอนาคตไทยไปด้วยกัน

“ลูกพี่ผมชื่อสมคิด ไม่ได้อยากจะมาเป็นนายกฯ เพราะคนมาเป็นจะลำบาก บ้านพัง บันใดพัง หลังคาก็พัง คนไปซ่อมก็ยาก ประเทศไทยพังไปหมดแล้ว แต่นายสมคิด ต้องมาเพราะเป็นห่วงพี่น้อง ถ้าผมอายุ 70 ปี ก็คงไม่มา และที่ผ่านมา ก็ทำงานมาเยอะมาก ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ทั้งโอทอป จนถึงบัตรคนจน คนอย่างนี้ไม่ได้มาเพราะตำแหน่ง หรือเล่นการเมืองเพราะอยากเป็นนายกฯ แต่วันนี้ต้องมาด้วยหน้าที่” สนธิรัตน์ ย้ำ เหตุผลที่ต้องกลับเข้าสู่การเมืองอีกครั้ง

การบุกพื้นที่อุบลฯ เป็นเหมือนการเจาะพื้นที่ไจ่แดงของพรรคเพื่อไทย ส่วนจะสามารถเจาะไข่แดงได้อย่างไร หรือนั้น “ประธานสมคิด” บอกว่า จะขายชุดความคิดที่เป็นนโยบาย ส่วนคนตัดสินใจคือประชาชน จะเจาะได้หรือไม่ อยู่ที่สิ่งที่เราเสนอให้ประชาชน และนโยบายที่ประกาศไปแล้ว ใครจะเอาไปใช้ก็ไม่ได้ว่าอะไร ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน

ถึงวันนี้ แทบจะทุกโพลต่างชี้ตรงกันว่า หากมีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ พรรคที่จะได้ที่นั่งในสภามากที่สุด ก็คือพรรคเพื่อไทย โดยอาจจะว่าจะชนะท่วมท้นถล่มทลาย หรือ “แลนด์สไลด์” ตามที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เจ้าของพรรคประกาศเอาไว้เลยทีเดียว

ว่ากันว่า สาเหตุที่คาดการณ์กันว่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยชนะแบบ “แลนด์สไลด์” ก็มาจากชาวบ้านชาวเมืองเกิดอาการเบื่อหน่ายต่อ “รัฐบาลลุงตู่” ที่ผลงานทางเศรษฐกิจไม่เข้าตาเท่าที่ควร นับตั้งแต่อยู่ในอำนาจต่อเนื่องมา 8 ปี ยิ่งมาเจอวิกฤตโควิด-19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน เข้าไปอีก ภาวะอึนๆ มึนๆ ด้านการทำมาหากินจึงปกคลุมไปทั่วบ้านทั่วเมือง ผู้คนจำนวนมาก ก็เลยหวนนึกถึงยุคที่เงินสะพัดจากนโยบายประชานิยม สมัย “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกฯ

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ทั้งที่ หากมองลงลึกไปถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่เริ่มเปิดตัวตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่เป็นมีอะไรที่โดดเด่นเท่าที่ควร อย่างนโยบายด้านการเกษตร ที่เสนอเรื่องปลูกพืชทดแทนการนำเข้า หรือโคขุนเงินล้าน ก็ไม่ต่างจากที่เคยทำและล้มเหลวมาแล้ว

ด้านเศรษฐกิจที่เสนอนโยบาย “เขตธุรกิจใหม่” ก็ถูกมองว่าเป็นการวิ่งตาม EEC ที่รัฐบาลลุงตู่ ทำอยู่แล้ว
ด้านการขจัดปัญหาความยากจนด้วยนโยบาย เงินโอนคนสร้างตัว ที่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้วยการให้เงิน โดยหลักการก็ไม่ต่างจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนที่รัฐบาลนี้ทำอยู่

เอาเป็นว่า ถ้าจะวัดกันที่นโยบายกันจริงๆ พรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้เหนือกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ

โดยเฉพาะ ถ้าเปรียบเทียบกับ “พรรคสร้างอนาคตไทย” ที่มีผู้นำพรรคเป็นอดีตมือเศรษฐกิจ ของพรรคเพื่อไทยเองเมื่อครั้งยังอยู่ในชื่อไทยรักไทย ซ้ำยังไม่เคยมีปัญหาในเรื่องความโปร่งใสให้ด่างพร้อย

เมื่อความจริงเป็นแบบนี้ พอถึงวันเลือกตั้ง พ่อแม่พี่น้องก็ลองใช้วิจารณญาณตัดสินเองก็แล้วกัน

** ปชป.กุมพื้นที่ภาคใต้ไว้ไม่อยู่ ถูก พปชร.-ภท. บุกทะลวงหนัก !!
ช่วงนี้โพลสำนักต่างๆ หากจะให้ถูกใจแฟนๆ ก็ต้องสำรวจในประเด็นที่เกี่ยวกับ พรรคการเมือง นักการเมือง ในแง่มุมต่างๆ... อย่างสัปดาห์ก่อน “ซูเปอร์โพล” สำรวจในหัวข้อ “ผู้นำการเมือง เหนือความขัดแย้งของสังคม” จากกลุ่มตัวอย่าง กว่า 2 พันคน ปรากฏว่า... “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนหนึ่งผู้นำการเมืองเหนือความขัดแย้ง ในสถานการณ์สังคมไทยแยกขั้ว แบ่งข้าง

อนุทิน ชาญวีรกูล
สัปดาห์นี้ ซูเปอร์โพล สำรวจในหัวข้อ “เพื่อไทย แลนด์สไลด์” ว่า ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง ผลจะออกมาอย่างไร โดยมีรายละเอียด ว่ากันเป็นรายพรรค รายภาคเลยทีเดียว

อย่างเช่น ถามเรื่อง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ว่าจะเลือกคนของพรรคใด ปรากฏว่า อันดับ 1 เป็น “เพื่อไทย” คาดว่า จะได้ 25-30 ที่นั่ง รองลงมาคือ “ภูมิใจไทย” จะได้ 21-26 ที่นั่ง ตามมาด้วย “พลังประชารัฐ” จะได้ 16-21 ที่นั่ง โดยมีปัจจัยเงื่อนไขว่า ส.ส.ไม่ย้ายออกจากพรรค และ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ขัดแย้งกันหนัก ถึงขั้นแยกทางกันเดิน อันดับที่ 4 พรรคประชาธิปัตย์ 11 ที่นั่ง อันดับที่ 5 พรรคก้าวไกล 9 ที่นั่ง และ พรรคชาติไทยพัฒนา 3 ที่นั่ง

เมื่อจำแนกตามภูมิภาค พบว่า โอกาสที่ “พรรคเพื่อไทย” จะทำคะแนนแบบ “แลนด์สไลด์” ในภาคอีสาน สูงถึง ร้อยละ 45.6 รองลงมาเป็นภาคเหนือ ร้อยละ 32.9 ในกรุงเทพฯ ร้อยละ 29.6 ภาคกลาง ร้อยละ 8.0 และภาคใต้ร้อยละ 6.3 ตามลำดับ

ขณะที่ “พรรคภูมิใจไทย” น่าจะได้คะแนนในภาคกลางมากที่สุด คือ ร้อยละ 26.2 ภาคใต้ ร้อยละ 24.0 ภาค
อีสาน ร้อยละ 21.2 กรุงเทพฯ ร้อยละ 19.3 และภาคเหนือ ได้ร้อยละ 7.8

ส่วน “พรรคพลังประชารัฐ” ในเงื่อนไขว่า ยังไม่มีการย้ายพรรคของ ส.ส.และยังไม่เกิดความขัดแย้งจนแพแตก แยกทางกันเดิน ระหว่าง “ลุงตู่” กับ “ลุงป้อม” พบว่า ภาคใต้ จะได้ร้อยละ 26.0 ภาคกลางได้ร้อยละ 25.8 กรุงเทพฯ ร้อยละ 13.3 ภาคเหนือ ร้อยละ 7.8 และ ภาคอีสาน ร้อยละ 5.8

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว-จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
สำหรับ “พรรคประชาธิปัตย์” ภาคใต้ ได้ร้อยละ 24.3 ภาคกลาง ร้อยละ 11.5 ภาคเหนือ ร้อยละ
11.2 กรุงเทพฯ ได้ร้อยละ 7.4 และภาคอีสาน ร้อยละ 3.7

ขณะที่ “พรรคก้าวไกล” โอกาสจะได้ที่ภาคเหนือมากสุด ร้อยละ 14.0 ,กรุงเทพฯ ร้อยละ 9.6 ภาคอีสาน
ร้อยละ 8.7 ภาคกลาง ร้อยละ 8.2 และ ภาคใต้ ได้ร้อยละ 4.9

จากผลโพลครั้งนี้ พอจะบอกได้ว่าพรรคเพื่อไทยมี โอกาส “แลนด์สไลด์” ได้สูง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานกับภาคเหนือ ที่ได้คะแนนร้อยละ 45.6 และ ร้อยละ 32.9 ตามลำดับ

ที่น่าสนใจคือ “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งตามมาติดๆ นั้น มีคะแนนนิยมในพื้นที่ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสาน และกรุงเทพฯ อยู่ในเกณฑ์สูงใกล้เคียงกัน คือ ร้อยละ 26.2 ,ร้อยละ 24.0 ,ร้อยละ 21.2 และ ร้อยละ 19.3 ตามลำดับ

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ “สนามรบภาคใต้” ที่ประชาธิปัตย์เคยเป็นเจ้าสนาม แต่ในวันที่ ปชป.อ่อนเปลี้ย ถดถอย พรรคคู่แข่งทั้งภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ที่ลงไปเจาะพื้นที่ ปักธงมาได้ ต่างถือโอกาสรุกหนัก และเมื่อดูผลโพลครั้งนี้ ปรากฏว่า พรรคที่ มีโอกาสได้ใจคนใต้กลับเป็น “พลังประชารัฐ” ที่ได้ถึง ร้อยละ 26.0 ภายใต้เงื่อนไข “ลุงตู่-ลุงป้อม” ต้องกอดคอกันเดิน ส่วน ปชป.ได้ร้อยละ 24.3 ขณะที่ภูมิใจไทย ของ “อนุทิน” ได้ ร้อยละ 24.0 ส่วนพรรคเพื่อไทย มีโอกาสแค่ร้อยละ 6.3 เท่านั้น

สำหรับ “สนามกรุงเทพฯ” พรรคเพื่อไทยแรงสุด ได้ร้อยละ 29.6 รองลงมาเป็น ภูมิใจไทย ร้อยละ 19.3 ตามมาด้วยพลังประชารัฐ ร้อยละ 13.3 ส่วนประชาธิปัตย์ ได้แค่ร้อยละ7.4 แพ้กระทั่งพรรคก้าวไกล ที่ได้ร้อยละ 9.6

“กรุงเทพฯ” ถือเป็นพื้นที่ ที่ไวต่อการเมือง ผลแพ้ชนะมักจะขึ้นอยู่กับกระแสในช่วงโค้งสุดท้ายใกล้วันเลือกตั้ง... ก็ต้องติดตามดูว่า พรรคภูมิใจไทย ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่ไม่เคยมี ส.ส.กรุงเทพฯ มาก่อน แต่ผลโพลบอกว่ากำลังมาแรง เมื่อถึงวันหย่อนบัตรจะเป็นอย่างไร...ต้องลุ้น!!


กำลังโหลดความคิดเห็น