เมืองไทย 360 องศา
นาทีนี้คงต้องเว้นช่วงเรื่องที่ว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะไปต่อหรือไม่ไปต่อเอาไว้ชั่วคราว รวมไปถึงข้อสงสัยที่ว่าจะผนึกกำลังกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กันในแบบ “นายกฯ คนละครึ่ง” และสังกัดพรรคไหนเอาไว้ชั่วคราวก่อน เพราะถึงอย่างไร ยังมั่นใจว่า ความชัดเจนน่าจะต้องเกิดขึ้นหลังการประชุมเขตเศรษฐกิจเอเปกในปลายเดือนนี้ไปก่อน
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องโฟกัสกันในช่วงใกล้เลือกตั้งแบบนี้ ก็ต้องมาสำรวจบรรยากาศและความเคลื่อนไหวแต่ละพรรคการเมืองเสียก่อนว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ซึ่งอยากให้มองไปที่พรรคฝ่ายค้านสองพรรคหลักในเวลานี้ คือ พรรคเพื่อไทย กับ ก้าวไกล ที่มองเผินๆ เหมือนกับว่าเป็นพันธมิตรกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งคู่ ก็คือ “คู่แข่ง” ทั้งใน และนอกสนามเลือกตั้งอย่างแท้จริง และต้อง “เขี่ย” อีกฝ่ายให้พ้นทางให้ได้
ขณะเดียวกัน ที่ต้องจับตาในเวลานี้ ก็คือ เมื่อพิจารณาจากผลสำรวจจากหลายสำนัก เช่น “นิด้าโพล” ที่แม้หลายคนจะมองว่าเป็น “โพลคนกันเอง” ก็ตาม แต่มันก็สะท้อนภาพน่าสนใจบางอย่างให้เห็นว่าทั้งสองพรรคที่ถือว่าได้รับความนิยมกันทั้งคู่ แต่กลับกลายเป็นว่า พรรคก้าวไกล กำลังไล่จี้ติดพรรคเพื่อไทยในทุกภูมิภาค ทุกเขตเลือกตั้ง หรือบางพื้นที่สำคัญ อย่างเช่น ในเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่พรรคก้าวไกล มีคะแนนนิยมนำหน้าพรรคเพื่อไทยแบบทิ้งห่าง เห็นได้จากวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ “นิด้าโพล” เผยผลสำรวจ เรื่อง “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคน กทม.”
เมื่อถามถึงบุคคล ที่คนกรุงเทพฯ จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 20.40 ระบุว่า เป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ส่วนอันดับ 2 ร้อยละ 15.20 ระบุว่า เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 3 ร้อยละ 14.10 ระบุว่า เป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
จากผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ทั้งพรรคเพื่อไทย และคนที่คาดว่าจะเป็นแคนดิดเดตนายกฯของพรรค คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” มีคะแนนนิยมตกลงไปเป็นที่สาม รองจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียอีก ซึ่งเรื่องนี้น่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยนั่งไม่ติด เพราะไม่เป็นผลดีแน่นอน และแสดงให้เห็นว่า คะแนนนิยม “อุ๊งอิ๊ง” เริ่มมีปัญหาแล้ว แม้จะพบว่าผลสำรวจดังกล่าว ต่อข้อถามถึงเรื่องว่า พรรคการเมืองที่คนกรุงเทพฯ มีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต อันดับ 1 ร้อยละ 28.50 ระบุว่า เป็นพรรคเพื่อไทย ส่วนอันดับ 2 ร้อยละ 26.45 เป็นพรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 9.50 เป็นพรรคพลังประชารัฐ
อีกทั้งพบว่า ผลโพลดังกล่าว ช่องว่างระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล ก็ห่างกันไม่มาก แบบนี้น่าจะทำให้เพื่อไทย คิดหนักในการที่จะต้องวางแผนการเลือกตั้งที่เข้มข้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ “นิด้าโพล” ยังเปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนเหนือ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 28 ต.ค.- 2 พ.ย. 65 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคเหนือ เกี่ยวกับคนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนเหนือ
เมื่อถามถึงบุคคลที่คนเหนือจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 31.70 เป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคทำได้จริง ชื่นชอบผลงานของตระกูลชินวัตร อันดับ 2 ร้อยละ 15.00 เป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคนมีวิสัยทัศน์ ชอบนโยบายและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 12.65 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
อันดับ 4 ร้อยละ 12.50 เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง และอันดับ 5 ร้อยละ 6.55 ระบุ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ เป็นคนมีประสบการณ์
แน่นอนว่า หากพิจารณาจากผลสำรวจในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งก็คงต้องแยกย่อยออกมาในแบบภาคเหนือตอนบน เป็นหลัก ที่ถือว่าเป็นฐานเสียงสำคัญ และเป็นบ้านเกิดของนายทักษิณ ชินวัตร พ่อของอุ๊งอิ๊ง ที่ยังมีคะแนนนิยมอย่างเหนียวแน่น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เมื่อดูจากคะแนนนิยมที่มาเป็นอันดับสอง ของนายพิธา และพรรคก้าวไกล ก็น่าจับตา
นอกเหนือจากนี้ เมื่อพิจารณาจากผลสำรวจในอีกบางพื้นที่สำคัญเช่น ในภาคอีสาน ที่ผ่านมา ถือว่าพรรคก้าวไกล จี้ติดพรรคเพื่อไทย เข้ามาแบบกระชั้นเกือบจะ “หายใจรดต้นคอ” กันเลย ทำให้เชื่อว่าเวลานี้ทางพรรคเพื่อไทย คงนั่งไม่ติด โดยเฉพาะ “คนแดนไกล” ที่หมายมั่นปั้นมือจะดัน “ลูกสาวคนเล็ก” มาเป็นทายาท เป็นนายกฯหญิงคนที่สอง ของครอบครัวชินวัตร อาจต้องลุ้นกันหนักกว่าเดิมหลายเท่า
ที่ต้องบอกว่า การขึ้นมาของพรรคก้าวไกลแบบนี้ มันเป็นอันตรายกับพรรคเพื่อไทย มากกว่าพวก “สาม ป.” หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียอีก เพราะจะว่าไปแล้ว ระหว่าง “บิ๊กตู่” กับพรรคพลังประชารัฐ มีฐานคะแนนคนละอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่สำหรับพรรคก้าวไกล ถือว่า “มีฐานเดียวกัน” หรือ “ตัดคะแนน” กันเอง และที่สำคัญ เมื่อตัดคะแนนแล้วไปอยู่กับอีกพรรค แต่ในที่สุดแล้วมัน “ไม่อาจร่วมรัฐบาลกันได้” นี่สิเรื่องใหญ่ ปัญหามันอยู่ตรงนี้มากกว่า
ดังนั้น หากมองจากแนวโน้มแบบนี้ เมื่อกระแสของพรรคก้าวไกล ที่มีฐานเสียงจากคนรุ่นใหม่เป็นหลักที่เชื่อว่ากระจายไปทั่วทุกภาค ขณะเดียวกัน ผลสำรวจในกรุงเทพฯ กลับกลายเป็นว่าพรรคเพื่อไทย ยังพ่ายพรรคก้าวไกลแบบ “ทิ้งห่าง” แพ้แม้กระทั่ง “บิ๊กตู่” ที่เวลานี้ยังไม่ชัดเจน และมีเวลาสำหรับโควตานายกฯ เหลืออีกแค่ 2 ปี เท่านั้น นี่ยังไม่นับกรณีถูกแบ่งแต้มในพื้นที่ภาคอีสาน จากพรรคภูมิใจไทยเสียอีก นาทีนี้ถึงได้บอกว่าพรรคเพื่อไทย น่าจะนั่งไม่ติด แม้ว่าทุกฝ่ายจะมั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้งก็ตาม แต่หากไม่ชนะขาด ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวไม่ได้ นั่นก็เท่ากับว่าพ่ายแพ้นั่นเอง เพราะตัวเองกำหนดเกมไม่ได้เบ็ดเสร็จนั่นเอง !!