ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เชื่อ “พรรคก้าวไกล” ไม่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว หลังเสนอแก้ไข กม.บังคับใช้ ม.112 มองเป็นเรื่องตลกกับแนวคิด “หมดยุคลุงตู่ สู่ยุคลุงป้อม” ลั่น ประเทศไม่ใช่สนามวิ่งผลัด
วันนี้ (26 ต.ค.) นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงแนวทางของพรรคก้าวไกลในการเตรียมการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า ไม่ใช่การเปลี่ยนขั้วอำนาจอาจเป็นโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนประเทศ โดยพรรคก้าวไกลเสนอนโยบายที่ครบถ้วนมากกว่าสมัยพรรคอนาคตใหม่ ทั้งเรื่องโครงสร้างและระยะสั้นระยะกลาง ดังนั้น พรรคก้าวไกลหวังว่าพี่น้องประชาชนจะให้ความไว้วางใจกับพรรคก้าวไกล ส่วนผลการเลือกตั้งออกมาเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของพี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันชัดเจนว่าคงไม่สามารถที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมือง ที่นั่งร้านให้กับการสืบทอดอำนาจของ คสช. ได้
ทั้งนี้ นายพิจารณ์ ยืนยันว่า พรรคไม่ได้แสวงหาอำนาจหรือลาภยศ แต่การทำงาน ก็เพื่อแสวงหาโอกาสที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศและสร้างสังคมไทยให้ดีกว่านี้
ส่วนกระแส “หมดยุคลุงตู่ สู่ลุงป้อม” นายพิจารณ์ มองว่า เป็นเรื่องตลก ประเทศไทยไม่ใช่สนามวิ่งผลัดที่จะมาส่งไม้ต่อให้กัน การบริหารประเทศต้องมีความต่อเนื่อง ต้องมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ การแสดงออกแบบนี้แสดงให้เห็นชัดว่าผู้นำประเทศต้องการอำนาจต้องการผลัดเปลี่ยนกันนั่งเก้าอี้เท่านั้นเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ได้คำนึงถึงภาพลักษณ์ของสังคมโลก
“เราอยู่ในสภาวะที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม หรือประชาธิปไตย เราจำเป็นที่ต้องมีผู้นำที่เข้าใจถึงปัญหาในระดับโลก เข้าใจถึงปัญหารากหญ้า”
ส่วนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะเป็นปัญหาในการทำงานกับพรรคอื่นหรือไม่ นายพิจารณ์ ตอบว่า ความแตกต่างระหว่างพรรคก้าวไกล กับพรรคอื่น คือ การพูดและสามารถแตะได้ทุกปัญหา ซึ่งพรรคมีความชัดเจนเรื่องนี้ เชื่อว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ถูกปล่อยทิ้งให้โดดเดี่ยว และพรรคจะเป็นตัวเลือกหนึ่งให้กับประชาชน
“ปัญหาการบังคับใช้มาตรา 112 อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน ดังนั้น นี่คือหนึ่งในโยบาย เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง ผมคิดว่าก็จะเป็นตัวเลือกหนึ่งให้กับพี่น้องประชาชน ไม่คิดว่าพรรคก้าวไกลจะถูกทิ้งไว้ให้โดดเดี่ยว มันคือการทำให้พี่น้องประชาชนเห็นถึงเจตจำนงและความกล้าหาญ”