วันนี้(21 ต.ค.)นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ช่วงนี้ จ.พัทลุง กำลังเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงเดือนมีนาคม ทำให้อากาศกำลังเย็นสบาย มีฝนตกสลับแดดออก เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพื่อชื่นชมความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ พรรณไม้นานาชนิด และวิถีชีวิตของชุมชนที่อาศัยอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน โดยมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจ เช่น ทะเลน้อย-ปากประ เกาะสี่-เกาะห้า เขาอกทะลุ เขาชัยสน คลองลำปำ แหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม เช่น แหล่งกำเนิดมโนราห์และหนังตะลุง วังเจ้าเมืองเดิม รวมทั้งแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตและชุมชน เช่น แหล่งปลูกข้าวสังข์หยด ป่าไผ่สร้างสุข การละเล่นวัวชน และวิถีชุมชนประมงพื้นบ้านรอบทะเลสาบสงขลา เป็นต้น
สำหรับแนวทางการจัดการท่องเที่ยวที่ดีนั้น ตนเห็นว่าจะต้องมีการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานด้านความมั่นคง สถานศึกษาและภาคเอกชน รวมถึงส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะการส่งเสริมให้จังหวัดจัดการเรื่องการท่องเที่ยวของตนเอง ตามแนวทางการกระจายอำนาจ และต้องเป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน สมดุล ไม่เน้นปริมาณจนเกินไป ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ยึดเป็นนโยบายมาอย่างต่อเนื่อง
นายนริศ กล่าวอีกว่า ส่วนการท่องเที่ยวใน จ.พัทลุง จะเน้นรูปแบบของการอนุรักษ์ การส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้จากสร้างงานสร้างอาชีพจากสิ่งที่พวกเขามีและเป็นอยู่ จะเห็นได้ว่าจุดเด่นของการจัดการท่องเที่ยวคือการเชิดชูวิถีชีวิตของผู้คน วิถีการทำมาหากินของท้องถิ่น วัฒนธรรมพื้นบ้าน ความเป็นคนใต้แท้ ๆ ที่ต้องชัดเจนและเสียงดังฟังชัด ซึ่งกาลเวลาไม่อาจเปลี่ยนแปลงวิถีเหล่านี้ไปได้ รวมทั้งความร่ำรวยทางทรัพยากรธรรมชาติ “เขา ป่า นา เล” มาเป็นจุดขายแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ หรือไม่ต้องการความเร่งรีบตามโลกที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้กลายเป็นเสน่ห์ที่ยากจะหาได้ในปัจจุบัน อีกทั้งข้อดีของการเป็นเมืองรองอีกประการหนึ่งคือการสามารถควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยวให้อยู่ในขอบเขตที่ชุมชนสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำลายวิถีดั้งเดิมของชุมชน และไม่ทำให้บรรยากาศของเมืองที่มีมนต์ขลังเปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม ตนอยากเสนอให้ จ.พัทลุง มีการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่ง และการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะการรองรับสังคมผู้สูงอายุและผู้พิการ เนื่องจากมีสถิติว่า เทรนด์การท่องเที่ยวในกลุ่มผู้สูงอายุกำลังมาแรงอีกด้วย
“ แม้ว่า จ.พัทลุง จะกลายเป็นเมืองรองในเรื่องของจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มีแผนจะเดินทางมายังภาคใต้ของประเทศไทย แต่ผมเชื่อว่าถ้าเป็นเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วิถีชีวิต วัฒนธรรม และวิถีสโลว์ไลฟ์แล้ว จ.พัทลุง ไม่เป็นรองใครแน่นอน“ นายนริศ กล่าว