xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงป้อม” ฟิตจัด ลุยต่อไม่รอแล้วนะ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

ถือว่าน่าจับตาทีเดียวสำหรับการเคลื่อนไหวของ “ลุงป้อม” หรือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เวลานี้ยังเดินสายลงพื้นที่ทั่วประเทศแบบไม่หยุดหย่อน ล่าสุด ยกขบวนไปภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็น่าจับตาไม่น้อย เพราะพื้นที่ภาคใต้สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ยังพอถือว่าเป็นฐานที่มั่นสำคัญ อย่างน้อยก็ยังอยู่ในระดับที่พอคาดหวังกันได้เหมือนกัน

มีรายงานว่า เมื่อตอนเช้าวันที่17 ตุลาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมคณะ เช่น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม รวมถึง นายอภิชัย เตชะอุบล นายวิรัช รัตนเศรษฐ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ สถานการณ์ปาล์มน้ำมัน และพบปะประชาชน โดยทันทีที่ถึงท่าอากาศยานทหาร กองบิน 7 ต.มะลวน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากมีข้าราชการในพื้นที่แล้วยังมี ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง เขต 2 นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เขต 3 และ นายสายัณห์ ยุติธรรม เขต 7 มารอต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง

จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ เดินทางไปห้องประชุมเมืองคนดี ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีประชาชนและเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน มารอถือป้ายให้การต้อนรับ โดยถือป้ายข้อความ “เครือข่ายสุราษฎร์รวมใจยินดีต้อนรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ทั้งนี้ ระหว่างที่มีกลุ่มเกษตรกรชาวสวนปาล์มมายื่นหนังสือร้องเรียนเรื่องที่ดินทำกิน ได้มีผู้หญิงคนหนึ่ง นำพวงมาลัยดอกดาวเรืองมาคล้อง และได้ขอหอมแก้ม พล.อ.ประวิตร พร้อมขอกอด ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้เอียงแก้มให้หอม จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เดินจับมือทักทายเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ที่มายืนถือป้ายขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ระหว่างนั้นได้มีเด็กผู้ชายตัวเล็ก 2 คน อายุประมาณ 3-4 ขวบ เข้ามาสวมกอด พล.อ.ประวิตร ท่ามกลางเสียงตะโกนของชาวบ้านกล่าวให้กำลังใจว่า “ลุงป้อมสู้ๆ” โดยตลอดการเดินพบปะชาวบ้าน พล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และโบกมือทักทายชาวบ้าน อีกทั้งรับปากชาวบ้านที่เรียกร้องให้จัดหาที่ดินทำกินให้เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินว่า “โอเคครับ จัดเลย”

จากนั้น พล.อ.ประวิตร รับฟังบรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ แผนงานด้านทรัพยากรน้ำและสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในประเทศ โดย พล.อ.ประวิตร ย้ำ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จังหวัด และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมการรับฤดูฝนภาคใต้ที่กำลังมาถึง โดยเน้น 13 มาตรการ รับมือฤดูฝน และให้ความสำคัญสำรวจพื้นที่เสี่ยงและความพร้อมของสถานีสูบน้ำ สิ่งกีดขวางทางน้ำ โดยให้บริหารจัดการน้ำผ่านคณะกรรมการลุ่มน้ำและคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด พร้อมทั้งขอให้นำบทเรียน การป้องกันและแก้ปัญหา พื้นที่เสี่ยงปีที่ผ่านมา มาบริหารจัดการลดความเสี่ยงและผลความเสียหายจากอุทกภัย และต้องให้ความสำคัญแจ้งเตือนและนำประชาชนออกจากพื้นที่ให้ทันเหตุการณ์ หากเกิดน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่ม เพื่อความปลอดภัยของประชาชน พร้อมกันนี้ขอให้ สทนช. เตรียมความพร้อมจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หากจำเป็น

พล.อ.ประวิตร ยังได้ย้ำนโยบายรัฐบาลกับการบริหารจัดการปาล์มน้ำมัน ผ่านคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มุ่งแก้ปัญหาปาล์มล้นตลาด และราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำมาตลอด โดยออกมาตรการผลักดันการส่งออกและนำน้ำมันปาล์มส่วนเกินมาผลิตพลังงาน รวมทั้งติดมิเตอร์วัดน้ำมันปาล์มดิบ ส่งผลราคาปาล์มน้ำมันดีขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งเตรียมออกมาตรการระยะยาว แปรรูป เพิ่มมูลค่าให้ปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สำหรับ การบูรณาการพัฒนาปาล์มน้ำของ จ.สุราษฎร์ธานี ขอให้มุ่งเป้า Oil Palm City ที่ส่งเสริมการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน และดูให้มีการซื้อขายปาล์มน้ำมันที่เป็นธรรม เพื่อดูแลเกษตรกรอย่างทั่วถึงในพื้นที่ พร้อมขอขอบคุณ เกษตรกรปาล์มน้ำมันและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมขับเคลื่อนมาตรการปาล์มน้ำมันอย่างได้ผล

แน่นอนว่า หากพิจารณากันแบบรู้ทัน มันก็คือการแฝงหาเสียงกันแบบเนียนๆ แต่สิ่งที่อยากให้มองให้ลึกลงไปอีกก็คือ เห็นถึงความมุ่งมั่นของ “ลุงป้อม” ที่มาในแบบ “นิวป้อม” แบบ “ลุงใจดี” ทำทุกอย่างให้ง่ายไปหมด และที่สำคัญยังออกมาในลักษณะของการแสดง “ความฟิต” ออกมาให้เห็นเกินร้อย ซึ่งต่อเนื่องมาตั้งแต่ทำหน้าที่รักษาราชการนายกรัฐมนตรี แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงพักเบรก จากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเป็นเวลาเดือนเศษ

ที่ผ่านมา เชื่อว่า สำหรับ “คอการเมือง” ต่างเห็นตรงกันว่า “ลุงป้อม” มีความคึกคักเป็นพิเศษ พร้อมกับมีวลีเด็ด “ใจบันดาลแรง” ที่ยืนยันถึงความมุ่งมั่นสวนทางกับภาพจำในเรื่องสุขภาพมาก่อนหน้า ในครั้งนั้นหลายคนมองว่าเป็นลักษณะของการเตรียมความพร้อม “รับไม้ต่อ” หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเจออุบัติเหตุทางการเมือง สะดุดปมวาระ 8 ปี จากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปต่อ แต่ก็ไปได้อีกแค่ 2 ปี จนถึงปี 2568 เท่านั้น ทำให้เกิดความคิดภายใต้ยุทธศาสตร์ “นายกฯ คนละครึ่ง” คนละ 2 ปี นั่นคือ ครึ่งแรก “บิ๊กตู่” ส่วนครึ่งหลังให้ “ลุงป้อม” รับช่วงต่อไป

แม้ว่าแนวคิดแบบนี้ยังมีรายละเอียดและความเป็นไปได้อีกมากมายที่ต้องมาว่ากันภายหลัง อย่างไรก็ดี เอาแค่ขั้นตอนแรกในช่วงเริ่มต้นก็ยังไม่มีความชัดเจนออกมาจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลยว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไร จะไปต่อหรือไม่ ทุกอย่างยังนิ่งสนิท เดาไม่ออก

แต่ที่น่าจับตา ก็คือ “แรงบีบ” จากภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่เร่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองโดยเร็ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ ที่เร่งรัดให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรีบสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐโดยเร็ว เข้ามาร่วมบริหารจัดการพรรค ทำตัวเป็นนักการเมืองเต็มตัว ส่วนบทบาททางการเมืองก็ให้ “ตีคู่” กับ พล.อ.ประวิตร เพื่อนำพาพรรคลงสู่สนามเลือกตั้ง และกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น หรือปล่อยให้ “ลุงป้อม” ลุยเดี่ยวก็อาจส่งผลให้พรรคพลังประชารัฐจำเป็น “ต้องลดขนาด” ลงมาเป็นพรรคขนาดกลาง

อย่างไรก็ดี นาทีนี้กลับได้เห็นความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มีความคักคักและมีความฟิตแบบต่อเนื่อง ทำเหมือนกับว่า “ไปต่อ ไม่รอแล้วนะ” นั่นคือ ลุยเดี่ยวไปก่อน เพราะการแสดงออกอย่างนี้ ทางหนึ่งก็เป็นความจำเป็นเฉพาะหน้าที่ต้องการสกัดกั้น “เลือดไหลออก” เพราะอย่างที่รู้กันดีว่ายังมี ส.ส.ในพรรค ที่เตรียมย้ายออก หรือหลายคนก็ย้ายออกไปแล้ว ดังนั้น หากไม่สร้างความมั่นใจตั้งแต่ตอนนี้มันก็เสี่ยงต่อการรักษาสถานะความเป็นพรรคขนาดใหญ่ หรือพรรคขนาดกลางไปเรื่อยๆ

แม้ว่าจากเสียงยืนยันจาก “วงใน” ที่มั่นใจว่า “สอง ป.” คือ ป.ประยุทธ์ กับ ป.ประวิตร ยังมีความสัมพันธ์แนบแน่นมั่นคงก็ตาม แต่ตราบใดที่ยังไม่ประกาศให้ชัดว่าจะเอาอย่างไร โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” ว่าจะไปต่อ หรือพอแค่นี้ มันก็เสี่ยงทำให้แพแตกเหมือนกัน ดังนั้น สำหรับ “บิ๊กป้อม” ก็ต้องชัดเจนก่อน ทำนองว่าไปต่อไม่รอแล้วนะ แต่หากให้ประเมินในอนาคต ก็ยังค่อนข้างมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะไปต่อ เพียงแต่ว่าอาจจะต้องรอหยั่งกระแสอีกครั้งในช่วงปลายปีที่จะเป็นตัวกำหนดชี้ขาดอีกครั้ง !!



กำลังโหลดความคิดเห็น