คิดหรือไม่? “สุวินัย” ชี้ ถ้า “รปภ.” ไม่ขับเครื่องบินแทนในช่วงวิกฤต บ้านเมืองจะไปในทิศทาง “ลงเหว” กว่าปัจจุบัน “พี่ศรี” ลั่น “ ู...ก็สะดวกจะร้องเรียนแบบนี้” โต้เพจเดี่ยว “อดีตบิ๊ก ศรภ.” แซะ รปภ. 2 รัฐบาล “ขับไป โกงไป”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 ต.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai ของ ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความระบุว่า
“รปภ.” นักรบแห่งแสง และขุมพลังสลิ่ม
ถ้าไม่มี “รปภ.” มาขับเครื่องบินแทนในช่วงวิกฤตที่จะเกิดสงครามกลางเมือง ... ฝ่าฝันมรสุมลมพายุโควิด-19 และวิกฤตอื่นๆ รอบทิศ จนกระทั่งสามารถ soft landing ได้สำเร็จ
... ประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองนี้จะพลิกโฉมไปอีกแบบอย่างแน่นอน ในทิศทางที่ลงเหว และเลวร้ายกว่าปัจจุบันมาก
การปรากฏของ “รปภ.” คือ state intervention รูปแบบหนึ่งที่สะท้อนความยืดหยุ่นในการรับมือกับวิกฤตแห่งรัฐของรัฐไทย (กองทัพไทย) อย่างที่หลายประเทศไม่มี
ถ้าไม่มีการดำรงอยู่ของ “นักรบแห่งแสง” ที่เป็น Divine Intervention รูปแบบหนึ่งที่สะท้อนความศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินนี้ ... ขบวนการล้มเจ้าที่ครอบงำความคิดจิตใจคนรุ่นใหม่จะแผ่อิทธิพลอาละวาดในระดับเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับขบวนการเรดการ์ดในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนอย่างแน่นอน
โฉมหน้าประเทศไทยที่ไม่มีทั้ง “รปภ.” “นักรบแห่งแสง” และ “ขุมพลังสลิ่ม” จะเป็นอีกจักรวาลหนึ่งที่เป็นจักรวาลคู่ขนานกับจักรวาลนี้ที่เผอิญมีทั้ง “รปภ.” “นักรบแห่งแสง” และ “ขุมพลังสลิ่ม” ได้ร่วมกันกำหนดเส้นทางและทิศทางประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองนี้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่ง
การดูแคลน ด้อยค่าทั้ง “รปภ.” และ “ขุมพลังสลิ่ม” มันก็แค่สะท้อนความอับจนทางความคิดของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นเอง
คนพวกนี้อาจดูถูก เย้ยหยัน บทบาท “ปิดทองหลังพระ” ของ “นักรบแห่งแสง” ... ปล่อยให้อกุศลจิตและมิจฉาทิฐิครอบงำจิตใจคนพวกนี้ต่อไปเถิด
โลกที่ไม่มีการปรากฏและการดำรงอยู่ของ “นักรบแห่งแสง” จะเป็นโลกที่สิ้นหวังยิ่งกว่า มืดมนยิ่งกว่า และไร้ความหมายยิ่งกว่าที่คนพวกนี้รู้สึกในตอนนี้มากมายนัก
ขณะเดียวกัน จากกรณี ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมาโพสต์เตรียมแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดหลัง โน้ส-อุดม แต้พานิช ทอล์กโชว์ “เดี่ยว 13” และ นำมาฉายผ่านทางผ่านเน็ตฟลิกซ์ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา มีเนื้อพาดพิงรัฐบาล ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ต.ค. เพจ เดี่ยว ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า #กูสะดวกแบบนี้ ดู #เดี่ยว13 พร้อมกันทั่วโลกได้แล้ววันนี้ ทาง Netfilx Only
ล่าสุด วันนี้ (14 ต.ค. 65) นายศรีสุวรรณ ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“# กูก็สะดวกที่จะร้องเรียนแบบนี้ จัดการกับคนที่หากินกับการบิดเบือน และบูลลี่คนอื่น” (จากสยามรัฐออนไลน์)
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“มีคนมาค่อนแคะว่า ประเทศไทยมี รปภ.ขับเครื่องบิน ไม่มีความรู้ จึงพาประเทศไปไหนไม่รอด แต่มันไม่เคยนึกย้อนหลังกลับไปเลยว่า ประเทศไทย เคยมี รปภ.ขับเครื่องบินมาก่อน ขับไปโกงไป จนรวย แล้วหนีไปเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนเสียง อยู่ต่างประเทศ ไม่ได้รวยเพราะฝีมือบริหารแต่อย่างใด
ต่อมามีน้องสาว รปภ.มาขับแทน ก็ทำเอาน้ำท่วมเครื่องบิน และยังทำข้าวสารเน่าอีก ฯลฯ หนีไปอีกคนหนึ่ง
รปภ.คนปัจจุบัน เคยทำงานให้นักบินทั้ง 2 คน เห็นข้อบกพร่องมาก่อน จึงขับเครื่องบินอย่างระมัดระวัง โดยใช้วิธีตั้งคณะกรรมการ หลายๆ ชุดมาเป็นที่ปรึกษาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ประเทศชาติจึงรอดมาได้ จน 7 ปีแล้ว ดีนะที่การแก้ไขปัญหาโควิด สำเร็จลงแบบดีเยี่ยม ไม่งั้นคงเอาไปพูดว่า “การแก้ไขปัญหาโควิดพังเพราะไปเอา ช่างก่อสร้างมาดูแล”
แต่ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องผิดปกติ ที่มีคนพูดแบบนี้ เพราะขนาด “พระมาขับจานบิน” เค้ายังเชื่อเลยครับ”
ทั้งนี้ เดี่ยว 13 ของ “โน้ส อุดม แต้พานิช” ได้เผยแพร่ทางช่องเน็ตฟลิกซ์ โดย โน้ส อุดม จัดหนัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า
“จะพูดถึงคนๆ นึง ที่ผมจะไม่ทนเขาแล้ว ทนเขามา 8 ปี (คนปรบมือ) หัวอกเดียวกันเหรอ ไม่มั้ง เขาเป็นคนที่เอาเป็นว่าเขาไม่อยากออกแล้วกัน ดูจากจิตวิทยาแล้วอยากอยู่ต่อเป็นอย่างมาก แม้จะบอกว่าแล้วแต่ประชาชนนะจ๊ะ แต่พฤติกรรมคืออยากอยู่ต่อ อยากอยู่ต่อถึงประชุมเอเปกให้เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล หรืออยู่ต่อไปอีก 4 ปี ให้ครบ 12 ปี เพื่อทำลายสถิติอะไรก็ไม่รู้
แต่ไหนๆ ไล่ไม่ออก เรามาสานฝันเขาให้เป็นจริงไปเลย คือ ทำให้คนมีอายุคนนึงสำเร็จความฝัน เขาจะได้ไม่ค้างคา ใจลึกๆ อยากอยู่ทีมท่าน ช่วยทำแคมเปญหาเสียงยุคหน้าให้ เพราะรู้เลยว่าท่านทำเองไม่รอด
หมดยุคกับการหาเสียงแบบเดิมๆ ที่เรียกว่านโยบายขี้โม้ รับปากจะทำโน่นทำนี่ จะขึ้นค่าแรง 400 กว่าบาท พอทำไม่ได้ก็แอบไปลบกระทู้ทิ้ง ยุคนี้ต้องเป็นเนื้อแท้ คือ กูเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ถ้าเขาซื้อเราเพราะเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมเรียกการตลาดแบบนี้ว่า บูลลี่มาร์เก็ตติ้ง เราเป็นยังไงเราบอกอย่างนั้นไปเลย
ไอเดียที่จะทำให้ลุงตู่ ได้ไอเดียจากการเลือกตั้ง ส.ก. เอาเพลงลูกทุ่งมาแปลงนิดหน่อยแล้วประกาศสรรพคุณอย่างเป็นเนื้อแท้ เหมือนต่างจังหวัดที่เป็นแอคโค่ วิ่งหน้าบ้านไป (ร้องเพลงเลือกลุงตู่คนเดิม) ประกาศสรรพคุณเราไป
ใจถึง พึ่งไม่ค่อยได้ สร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ ยืนยันเรื่องความโปร่งใส แต่ไม่ให้ตรวจสอบ พร้อมชนทุกปัญหาด้วยสติปัญญาที่มี แปดหมื่นสี่คือจำนวนเซลล์สมอง จุดแข็งคือหัว จุดอ่อนคือสิ่งที่อยู่ในนั้น ฉลาดพูด ตอนไม่พูดฉลาดกว่า แก้ปัญหาชาติด้วยการแต่งเพลง มึงไม่ออกอัลบั้มไปเลยล่ะ แก้ปัญหาตัวเองด้วยการทำเป็นโมโห เขาถามอะไรตอบไม่ได้ก็โมโห ท่านอาสามากู้ชาติ ท่านไม่ได้กู้แค่ชาติเดียว ท่านกู้มาหลายชาติแล้ว ชาติล่าสุดเพิ่งกู้ญี่ปุ่นไป
ตอนนี้เป็นหนี้สิบกว่าล้านล้าน มาร่วมแรงร่วมใจผ่อนไปด้วยกัน ส่งมอบมรดกหนี้สินให้กับลูกหลาน เพราะอะไรรู้ไหม เพราะมันผ่อนไม่จบที่รุ่นเรา ไม่ลอกนโยบายใคร เลือกชัชชาติก็ได้แค่ทำงานๆ แต่ถ้าเลือกลุงตู่ จะได้ทำใจ ทำใจ ทำใจ ตามด้วย รำคาญ รำคาญ รำคาญ
ถ้าท่านเป็นคอมพิวเตอร์นะ ป่านนี้คอมพ์ฯ ท่านแฮงก์แล้ว ทานครับ หายใจลึกๆ ตื่นก่อน ท่านไม่ใช่คอมพิวเตอร์ คือ คอมพิวเตอร์เนี่ย มันต้องมีสมองประมวลผล แล้วหน่วยความจำท่านไม่มีนะฮะ ท่านไม่มีอะไรนะฮะ แถวบ้านเรียกแป้นพิมพ์ดีดรุ่นโบราณด้วย รำคาญไหมฮะ รำคาญๆๆ
สมมติมีกิจการ มาสมัครทำงานกับคุณด้วยทัศนคติที่ว่า คุณคิดว่าผมอยากทำงานนี้เหรอ มาทำเองไหม คุณจะรับเข้าทำงานไหม ตอนนี้เราได้คนแบบนี้ทำงานให้เราอยู่ คุณเห็นอนาคตบริษัทแล้วนะ
ตอนนี้ประชากรในประเทศไทยหลายสิบล้านคน สมมติเราขึ้นเครื่องบินลำเดียวกัน เป็นเครื่องบินลำใหญ่ ปกติเครื่องบินขับด้วยกัปตันที่เชี่ยวชาญ แต่ตอนนี้กัปตันทั้งหลายที่ขับเครื่องบินเก่งไม่ได้ขับ ที่ขับอยู่คือ security (พนักงานรักษาความปลอดภัย)
ปกป้องชาติบ้านเมืองจากความเจริญก้าวหน้าด้วยการเลือกลุงตู่ ลุงตู่คือทางเลือกที่ดีที่สุดของคนไม่มีทางเลือก และถ้าหายไป ก็ไม่ได้ไปบวช!”
แน่นอน, สิ่งที่สะท้อนให้เห็น ก็คือ มีทั้งคนที่ชื่นชอบ เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับ “โน้ส อุดม” หลังเดี่ยวไมค์ เล่นมุกตลกฟาดพล.อ.ประยุทธ์ อย่างหนัก ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ ก็นำมาจากสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล หยิบยกขึ้นมาสร้างวาทกรรม “โจมตี” พล.อ.ประยุทธ์ที่ผ่านมานั่นเอง
แต่ที่น่าสนใจก็คือ การเปรียบให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็น รปภ. ขับเครื่องบิน หรือคนที่ไม่เชี่ยวชาญในการขับเครื่องบิน แถมยังห่างไกลสิ่งที่จะทำได้ มาทำในสิ่งที่เกินความสามารถอะไรประมาณนั้น ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่หลายคน มองว่า ไม่จริง และบิดเบือนความเป็นจริง อย่างมาก
เพราะ “รัฐนาวารัฐบาลประยุทธ์” ที่ฝ่าวิกฤตการณ์หลายอย่างที่โถมกระหน่ำเข้ามาเป็นระลอก ทั้งโควิด-19 วิกฤตสงคราม วิกฤตเศรษฐกิจ จนแทบโงหัวไม่ขึ้น
และบางสถานการณ์โหมกระหน่ำเข้ามาในคราวเดียวกัน คือ วิกฤตการณ์ทางการเมือง อย่างกระแสกดดันจากม็อบ 3 นิ้ว เรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ ก็ยังฝ่ายมรสุมมาได้ เรื่องนี้คนที่อยู่ในประเทศไทย ถ้าไม่หลับหูหลับตา หรือ “ฝ่ายแค้น” ก็จะเข้าใจดี
รวมทั้ง การทำรัฐประหาร เพื่อแก้ปัญหาทางตัน ทางการเมือง จากวิกฤตความขัดแย้งของฝ่ายการเมือง ที่เอาชนะคละคานกัน มีม็อบที่พร้อมเผชิญหน้ากันทั้งสองฝ่าย และต่อสู้กันรุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธสงคราม จนส่อว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองในอนาคตอันใกล้ ก็ถือว่า เป็นคุณมากกว่าเป็นโทษ
อย่าลืมว่า กระแสจากตอนนั้น ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯจากการเลือกตั้งในเวลาต่อมา และทำให้คนที่ “ไม่เอา” พล.อ.ประยุทธ์ แพ้เลือกตั้งอย่างหมดรูป กรณี พรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังจำกันได้หรือไม่?
เพียงแต่ “วิกฤตเศรษฐกิจ” ปัญหาปากท้อง ที่ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล ก็ต้องเจอ กระแสเบื่อรัฐบาล และต้องการการเปลี่ยนแปลง โดยมีการเมืองขั้วตรงข้ามผสมโรงอย่างหนัก ทำให้ไม่เพียงแค่เบื่อ แต่ต้องการขับไล่ตามไปด้วย โดยที่ประชาชนบางส่วนอาจไม่รู้ว่า มีเกมการเมืองผสมโรง
ดังนั้น ทั้งหมดที่ “โน้ส อุดม” พูด แม้เอามันสะใจ แต่ถ้าให้ความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ บ้าง ก็ต้องย้อนกลับไปสำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกด้าน ว่าสมควรเอามาทำ “ตลก” ให้เสียหายขนาดนี้หรือไม่ หรือว่าไม่สนใจ ขอให้ได้โหนกระแสหาตังค์ได้ก็พอ อันนั้นก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง!?