รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แนะประชาชนตรวจสอบก่อนโอนเงินบริจาค หลังดีอีเอสพบบางเพจต้องสงสัยโกงเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบเหตุที่หนองบัวลำภู เตือนมิจฉาชีพอย่าซ้ำเติมผู้ประสบภัยและสูญเสีย ฝ่าฝืนเจอทั้งคดีกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และฉ้อโกงประชาชน ติดคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท
วันนี้ (11 ต.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้ดำเนินการ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้เฝ้าระวัง ตรวจสอบไม่ให้มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือช่องทางอื่นๆ ในการหลอกลวงประชาชนที่ต้องการบริจาคกรณีต่างๆ
ทั้งนี้ ดีอีเอสได้พบมีผู้โพสต์ทางโซเชียลมีเดียเพื่อเชิญชวนร่วมบริจาคแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู จำนวน 13 เพจ โดยพบเป็นเพจต้องสงสัยว่ามีการหลอกลวงประชาชน 2 เพจ ซึ่งต่อมาได้มีการลบโพสต์ออกไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมข้อมูลส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยหากพบว่าเป็นการเจตนาหลอกลวงประชาชนจริง จะมีการดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ผู้สูญเสียต่างยังอยู่ในความโศกเศร้า มีพี่น้องชาวไทยจำนวนมากที่ประสงค์จะร่วมส่งกำลังใจในรูปแบบเงินบริจาค รัฐบาลขอเน้นย้ำให้ประชาชนที่ต้องการบริจาคเงินไม่ว่าจะเป็นการบริจาคแก่ครอบครัวผู้เสียหายจากเหตุการณ์ที่หนองบัวภู หรือบริจาคแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติ น้ำท่วม ขอให้ตรวจสอบโดยละเอียดก่อนโอนเงินบริจาค ให้แน่ใจว่าผู้เปิดรับบริจาคแต่ละช่องทางนั้นเป็นหน่วยงาน หรือบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ และมั่นใจว่าเงินบริจาคจะส่งไปยังครอบครัวผู้ประสบเหตุ
นอกจากนี้ รัฐบาลขอเตือนผู้ที่คิดฉวยโอกาสหลอกลวงประชาชน ว่า ช่วงเวลานี้คนไทยควรช่วยเหลือให้กำลังใจ ขออย่าซ้ำเติมครอบครัวผู้สูญเสีย หรือผู้ประสบภัยต่างๆ ด้วยการหาประโยชน์กับช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยกระทรวงดีอีเอสได้มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการกระทำผิดผ่านช่องทางต่างๆ อย่างเข้มงวด ทั้ง Facebook , YouTube, Instagram พร้อมกับประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการตามกฎหมายอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ หากพบการฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเป็นการหลอกลวงประชาชน จะมีความผิดทั้งในส่วนของการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) มีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และยังเข้าข่ายการฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับด้วย