xs
xsm
sm
md
lg

เสียงโห่ลั่น “เพื่อไทย” หลัง “นายใหญ่-เจ๊แดง” ดีลรับ “ธรรมนัส” กลับพรรค หวั่นภาพ “ยี้” ทำแลนด์สไลด์สะดุด - ช้าก่อน “เพื่อไทย” คิดฟื้น “สงครามยาเสพติด” ฆ่าตัดตอน-อุ้มหาย ภาพจำที่คนยังไม่ลืม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว **เสียงโห่ลั่น “เพื่อไทย” หลัง “นายใหญ่-เจ๊แดง” ดีลรับ “ธรรมนัส” กลับพรรค หวั่นภาพ “ยี้” ทำเป้าแลนด์สไลด์สะดุด “ก๊วนห้องแอร์” ปิ๊งไอเดีย จับขังไว้เฉยๆ ไม่ต้องให้มีบทบาท ตัดกำลัง “ค่ายลุงป้อม” ไปในตัว

ร่ำลือไปทั่วยุทธจักรการเมืองไทย ข่าวคราว “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ จะยุบพรรค และนำ ส.ส.ในสังกัดย้ายไปร่วมกับ “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย

ว่ากันไปถึงขนาดว่า “ร.อ.ธรรมนัส” ต่อสายตรงพูดคุยกับ “นายห้างโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร ขอโควตาปาร์ตี้ลิสต์ หรือ ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อในลำดับต้นๆ 2 ที่นั่ง บวกกับ ส.ส.ที่ย้ายตามมา จะได้ลงในเขตเดิมทั้งหมด

มีภารกิจสำคัญให้ “ผู้กองนัส” เป็นแม่ทัพในพื้นที่ที่ต้องชนกับ “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย ในทุกเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะพื้นที่อีสานใต้ และภาคใต้

โดยจะมีความชัดเจนในการประชุมใหญ่ของพรรคเศรษฐกิจไทย ในวันนี้ (10 ต.ค.) ที่สโมสรเทศบาลเมืองพะเยา จ.พะเยา ซึ่งผลการประชุมจะชี้ชัดว่า “ทีมผู้กอง” จะไปทางไหน

เป็นที่รู้กันว่า ร.อ.ธรรมนัส ก็เป็น “อดีตสมุน” เคยทำงานกับ “ระบอบทักษิณ” มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2542 เพิ่งมามีชื่อลงสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคเพื่อไทย ครั้งแรกในปี 2557 ซึ่งการเลือกครั้งนั้นเป็นโมฆะ

ชั่วพริบตา จากคนทำงานระดับ “ปลายแถว” ของระบอบทักษิณ กลับกลายมาเป็นขุนพล “หัวแถว” ของ “พี่ใหญ่ คสช.” ครั้งหนึ่งเจ้าตัวถึงขั้นยกตัวเองเป็น “เส้นเลือดใหญ่” ของรัฐบาลเลยทีเดียว

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
เมื่อ “ธรรมนัส” กดรับ “โปรย้ายค่าย” มาร่วมงานกับ “ค่ายลุงป้อม” พรรคพลังประชารัฐ ดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ส่วนตัวได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.พะเยา เขตที่ 1 ในการเลือกตั้งปี 2562 และผงาดขึ้นเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ จากนั้นเส้นทางของ “ธรรมนัส” ในฐานะ “เด็กลุงป้อม” เติบโตพรวดพราด จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

กระทั่งมีเหตุหมางใจกับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อ “คิดการใหญ่” ก่อหวอด ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล หมายโค่นล้ม “นายกฯ ตู่” ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อปี 2564 แต่ไม่สำเร็จ และถูกอัปเปหิ ปรับออกจาก รมช.เกษตรและสหกรณ์ ก่อนถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ และนำ 18 ส.ส.ในทีมย้ายมาเข้าสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย เมื่อช่วงเดือน ม.ค. 65 และขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคด้วยตัวเอง เมื่อเดือน มิ.ย. 65

ว่ากันว่า พรรคเศรษฐกิจไทย เป็นเพียงพรรคเฉพาะกิจ ที่พักกลางทางของ “ก๊วนผู้กอง” เพื่อหาสังกัดใหม่ก่อนที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า ด้วยกติกาเลือกตั้งบัตรสองใบ ปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 นั้น ไม่เอื้อต่อการทำพรรคขนาดเล็ก และตัว ส.ส.ที่หอบหิ้วกันมา ก็ไม่ใช่อยู่ในระดับ “เกรดเอ” ที่แบเบอร์ลงสนามแล้วจะชนะ

ยิ่ง “ธรรมนัส” ไม่จัดอยู่ในคนของฝ่ายอำนาจ ก็คงอหังการไม่ได้เหมือนการเลือกตั้งปี 2562 มีตัวอย่างให้เห็นแล้วในการเลือกตั้งซ่อมที่ภาคใต้ รวมทั้งที่ จ.ลำปาง ที่ “ทีมผู้กอง” ขยับตัวไม่ได้ถนัดถนี่

ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ แม้อยากใช้บริการ “ธรรมนัส” แต่ก็เกรงว่าจะขุ่นเคืองกับ “ลุงตู่” พาลทำให้เสียการใหญ่

ทักษิณ ชินวัตร
เอาจริงเรื่อง “ธรรมนัส” กับพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยพูดกันหนาหู ความสัมพันธ์ระหว่าง “ธรรมนัส” กับระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทย ทั้ง “ทักษิณ” หรือ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่ภาคเหนือของพรรค ตามประสาคนคุ้นเคย อู้คำเมือง จะอั้น จะอี้ กันมา ถือว่ามี มิตรจิต-มิตรใจ ต่อกันพอสมควร

สังเกตได้จากตลอดระยะเวลาที่ “ธรรมนัส” เป็นรัฐมนตรี แทบไม่ถูก ส.ส.เพื่อไทย ออกมาโจมตีให้ร้ายแต่อย่างใด ผิดกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งพรรคอนาคตใหม่ ต่อมาเป็นพรรคก้าวไกล และพรรคเสรีรวมไทย ที่ล็อกเป้าถล่ม “ธรรมนัส” อย่างต่อเนื่อง ด้วยเห็นว่าเป็น “จุดอ่อน” ของรัฐบาล

หรือครั้งปฏิบัติการ “ล้มตู่ ชูป้อม” ก็ถูกมองว่า เป็น “ซูเปอร์ดีล” ที่พยายามล้ม “บิ๊กตู่” เพื่อพลิกขั้วอำนาจ ดัน “บิ๊กป้อม” เป็นนายกฯ และดึงพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมรัฐบาล

เมื่อ “ธรรมนัส” เข้าขั้นจนตรอก ไม่มีที่ไป “ค่ายเพื่อไทย” ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ขี้เหร่ และ “นายใหญ่เพื่อไทย” เองก็หมกมุ่นกับเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” จนไม่สนว่าการดึง ร.อ.ธรรมนัส กลับมาที่พรรคเพื่อไทย จะส่งผลดี หรือเสียมากกว่ากัน

ไม่เท่านั้น ยังเคลียร์ที่ทางรอไว้แล้วด้วย ดูจากการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา 3 เขต พื้นที่ของ “ธรรมนัส” ก็จัด “หน้าใหม่” ลงทั้งหมด ส่วน ส.ส.และอดีต ส.ส.เดิม ถูกดันขึ้นบัญชีรายชื่อ เหมือนกับหลีกทางไว้ให้ล่วงหน้า

เยาวภา วงศ์สวัสดิ์
แม้จะได้ไฟเขียวจาก “นายใหญ่” รวมไปถึง “เจ๊แดง-เยาวภา” ที่ว่ากันว่าเป็นคนปิดดีล ถึงขนาดยอมให้คุมเลือกตั้งภาคเหนือตอนล่าง เปิดพื้นที่ให้ ส.ส.ในทีมธรรมนัส ลงสมัครแทน และยอมถอดคนที่พรรคเพื่อไทยวางตัวไว้ออก ก่อนที่ “ธรรมนัส” จะต่อสายไปหา “คนแดนไกล”

รวมทั้งสื่อบางสำนักก็รายงานว่า งานนี้มีชื่อ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายของ พล.อ.ประวิตร ร่วมเจรจาฝากฝัง “ธรรมนัส” ด้วย

แต่ก็มีกระแสต้านในพรรคเพื่อไทย ก็ยังมีอยู่พอสมควร โดยเฉพาะว่าที่ผู้สมัครเดิมที่วางตัวไว้แล้ว ใน จ.ตาก, พิจิตร, พิษณุโลก และกำแพงเพชร เป็นต้น ได้รับผลกระทบ และกำลังพยายามเจรจากับ “นายใหญ่-นายหญิง” เพื่อไม่ให้รับ “ธรรมนัส” และทีมเศรษฐกิจไทย เข้าเพื่อไทย

ทุกเสียงต่างมั่นใจว่า ไม่จำเป็นต้องมี “ธรรมนัส” ก็แลนด์สไลด์ได้อยู่แล้ว

อีกทั้งยังน่าเป็นห่วงว่า การมี “ธรรมนัส” อยู่ในพรรค อาจจะเป็นตัวสกัดเป้าหมายแลนด์สไลด์ด้วยซ้ำ เพราะต้องยอมรับว่า บทบาท “ธรรมนัส” ถือเป็นหัวหอกตัวกลั่นสมัยที่อยู่กับรัฐบาล รับใช้เผด็จการ อีกทั้งยังถูกมองว่า เป็น “รัฐมนตรีสีเทา” ที่มีเรื่องราวฉาวโฉ่ในอดีต อาจจะทำให้เสียแนวร่วมที่รับไม่ได้กับตัว “ผู้กองนัส”

เป็นเหตุให้ “กลุ่มนักรบห้องแอร์” ก็พยายามต่อต้านเช่นกัน และยื่นเงื่อนไขว่า พร้อมรับ ส.ส.ในทีมผู้กองเข้าพรรคได้ แต่ตัว “ธรรมนัส” อาจไม่ต้องมา หรือมาแล้วต้องไม่ลงสมัคร ไม่มีตำแหน่งในพรรค และไม่ออกสื่อในนามพรรคเพื่อไทยเด็ดขาด

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ถ้าเป็นตามเงื่อนไขของ “นักรบห้องแอร์” ก็น่าสนใจว่า “ธรรมนัส” จะตัดสินใจอย่างไร เพราะเมื่อไม่ให้มีตำแหน่งแห่งที่อะไร ไม่ให้ลง ส.ส. ก็ไม่ต่างจากหลอกเอามา “ขัง” ไว้ เพื่อไม่ให้เป็นพิษเป็นภัยเหมือนสมัยที่อยู่พับพรรคพลังประชารัฐ และเป็นการตัดกำลัง “ค่ายลุงป้อม” ไปในตัวนั่นเอง
จนสุดท้ายอนาคตการเมืองของ “ธรรมนัส” อาจเข้าทำนอง กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง ก็เป็นได้…



** ช้าก่อน “เพื่อไทย” คิดฟื้น “สงครามยาเสพติด” ฆ่าตัดตอน-อุ้มหาย ภาพจำที่คนยังไม่ลืม ใช้กฎหมายยาเสพติดที่เพิ่งสังคายนา จะเข้าท่ากว่าไหม

ทุกวันนี้ “การเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น” กลายเป็นนิสัยถาวรของนักการเมืองหลายพรรคไปเสียแล้ว อย่างล่าสุด กรณีเหตุโศกนาฏกรรมที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เมื่อช่วงเที่ยงกว่าๆ ของวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุยังไม่ครบ 24 ชั่วโมง สาเหตุเบื้องหน้าเบื้องหลังยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนออกมา แต่ในเวลา 11.00 น. ของวันที่ 7 ต.ค. พรรคเพื่อไทย โดย “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรค ก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวโจมตีความความบกพร่อง หละหลวมในนโยบายด้านยาเสพติดของรัฐบาล

ศุภชัย ใจสมุทร
เรื่องการปราบปรามก็ไม่ได้ผล แม้จะยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้มากขึ้น แต่ยาบ้าก็ยังทะลักเข้ามา จนราคามีแต่ถูกลงกับถูกลง เหลือเม็ดละไม่ถึง 10 บาท

ส่วนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยา ก็ยังล่าช้าไม่ทั่วถึง พร้อมตั้งคำถามถึงเจ้ากระทรวงสาธารณสุข ว่าไปทำอะไรอยู่ และไม่วายแขวะไปถึงนโยบายกัญชาเสรี ว่าทำให้คนข้าใจว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด

และที่พีกสุดๆ ก็คือ คำแถลงของ “หมอชลน่าน” ช่วงที่บอกว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบาย “ประกาศสงครามกับยาเสพติด” ซึ่งเคยทำได้มาแล้ว พรรคเพื่อไทยจะขจัดยาเสพติดให้สิ้น เชื่อว่าประชาชนจะถูกใจกับนโยบายนี้ !!

ก็ไม่รู้ว่าพรรคเพื่อไทยไปมั่นหน้ามั่นใจ เรื่องสงครามกับยาเสพติดมาจากไหน “ศุภชัย ใจสมุทร” นายทะเบียน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เลยต้องออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวดึงสติว่า นโยบายทำสงครามกับยาเสพติดที่เคยทำมานั้น เป็นที่กล่าวขานกันทั้งในและต่างประเทศ ถึงผลกระทบที่ตามมา ซึ่งหากมีการสืบค้นกัน ก็จะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับนโยบายดังกล่าว

“บังซุป” เห็นว่า แนวทางการปราบปรามยาเสพติดที่น่าจะได้ผลกว่า ก็คือ การใช้ พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ที่มีผลใช้บังคับในวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ซึ่งเขาเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
โดยในตัวประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ มีกรอบแนวคิดสำคัญอยู่ใน 184 มาตรา ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ทั้งกรอบนโยบายและแผนพัฒนา ระดับชาติ ว่าด้วยการป้องกัน การปราบปราม และการแก้ไขปัญหายาเสพติด การจัดโครงสร้างกลไกในการบริหารจัดการปัญหายาเสพติด ซึ่งมีความสอดคล้องกัน ที่แต่เดิมจะกระจัดกระจายตามกฎหมายแต่ละฉบับ ขาดความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน

ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับนี้ เปิดให้ประชาชนเข้าใจและเข้าถึงกฎหมายได้ง่ายขึ้น ส่งเสริมและสนับสนุนการร่วมมือกันของหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในการบูรณาการในการจัดการปัญหายาเสพติด ผู้กระทำผิดได้รับโทษเหมาะสม และได้สัดส่วนกับความร้ายแรงของการกระทำ มีมาตรการในการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดมากขึ้น (การริบทรัพย์แบบทดแทน และตามมูลค่า) มีระบบการฟื้นฟูและให้โอกาสแก่ผู้เสพ หรือครอบครองเพื่อเสพสมัครใจเข้าบำบัดแทนการดำเนินคดี ผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูจะได้รับการช่วยเหลือจากสถานฟื้นฟูสภาพทางสังคม

“บังซุป” ยืนยันว่า ประมวลกฎหมายยาเสพติดนี้เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบของประเทศ และมั่นใจว่าหาก “ท่านหัวหน้าพรรค” ได้อ่าน ได้ศึกษากฎหมายฉบับนี้ และทำความเข้าใจอย่างจริงจังแล้ว คงไม่จำเป็นต้องมีนโยบาย “ทำสงครามกับยาเสพติด” เป็นแน่

พร้อมกับขอภาวนา และเรียกร้องว่าอย่าออกนโยบายทำสงครามกับยาเสพติดเลย เพราะเหตุการณ์ การฆ่าตัดตอน การอุ้มหาย ใบอนุญาตฆ่า (license to kill) จากนโยบายอย่างโหดร้ายในขณะนั้น ยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนอยู่มิลืมเลือน




กำลังโหลดความคิดเห็น