วันนี้(6 ต.ค.)น.ส.แอนศิริ วลัยกนก ที่ปรึกษากรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวถึงทิศทางการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยระบุว่า ปัจจุบันรัฐบาลกำลังเผชิญกับปัญหารุมเร้าด้านการเมืองภายใน เศรษฐกิจตกต่ำ และวิกฤติเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล ปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาดอกเบี้ยขาขึ้น ปัญหาราคาพลังงาน และปัญหาสงครามการเมืองระหว่างประเทศ โดยที่รัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการนโยบายเศรษฐกิจในภาพรวมได้ รวมทั้งไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนจนผู้บริหารระดับสูงหลายบริษัทออกมาแสดงความวิตกกังวลถึงทีมงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ ที่แม้จะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ไม่สามารถทำให้สถานการณ์ดังกล่าวดีขึ้น เพราะภาคเอกชนมองว่าการจะปรับ ครม.ในครั้งนี้เป็นเพียงการจัดสรรเก้าอี้และผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
น.ส.แอนศิริ กล่าวต่อว่า ปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ก็เป็นสิ่งที่น่ากังวล แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาบอกว่าได้มีการเตรียมแผนรับมือมาล่วงหน้าแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับพบแต่ความผิดพลาดจนไม่สามารถรับมือได้จนทำให้หลายพื้นที่แถบลุ่มแม่น้ำสายหลักถูกน้ำท่วมสูง และบางพื้นที่ถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานานจนกระทบกับการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ นิคมอุตสาหกรรมบางแห่งก็เริ่มได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว ซึ่งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าความเสียหายรวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท และหากรัฐบาลยังไร้แนวทางป้องกันอาจก่อให้เกิดความเสียหายซ้ำรอยกับน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ได้
“ความไร้สมรรถภาพของทีมเศรษฐกิจ และทีมบริหารจัดการวิกฤตการณ์ของรัฐบาล ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจในภาพรวมอย่างมหาศาล และกระทบต่อการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนนับล้านคน จนภาคเอกชนหลายแห่งออกมาแสดงความกังวลและความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลอย่างมาก นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทบทวนตัวเองว่าการอยู่ต่อในอำนาจเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางการเมืองแล้วต้องแลกกับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่คุ้มค่าหรือไม่” น.ส.แอนศิริ กล่าว