นายกฯ ขึ้นรถยกสูงลุยน้ำเยี่ยมศูนย์พักพิงน้ำท่วมอุบลฯ เจอชาวบ้านชู 3 นิ้วเย้ยถาม ‘มาทำให้คนอื่นลำบากทำไม’ ยันไม่นิ่งนอนใจติดตามสถานการณ์ทุกวัน ลุยเตนท์ผู้ประสบภัยปลอบใจชาวบ้าน บอกเป็นโชคชะตา ของเสียค่อยหาใหม่ โชว์ฝีมือตัดผมทหารเก่า
วันนี้ (4ต.ค.) จากนั้นเวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมและคณะ ได้ขึ้นรถยกสูงของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อเดินทางไป ตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัยและเยี่ยมเยียนบ้านเรือนประชาชน ที่ชุมชนวัดวารินทราราม ตำบลวารินชำราบ อำเภอวารินชำราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างทางที่รถแล่นผ่านยังคงมีน้ำท่วมขัง ซึ่งนายกฯได้โบกมือทักทาย พร้อมให้กำลังใจชาวบ้านตามบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยนายกฯ กล่าวว่า “ขอบคุณทุกคน ปลอดภัยทุกคนนะ ลำบากหน่อยนะ”
นอกจากนี้ ระหว่างทางที่รถแล่นผ่านในช่วงหนึ่งมีชาวบ้านชู 3 นิ้ว พร้อมตะโกน ว่า “มาทำให้คนอื่นลำบากทำไม” จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาห้าม และให้เอามือที่ชู 3 นิ้วลง
จากนั้นนายกฯ เดินทางถึงศูนย์พักพิงฯ พร้อมกล่าวว่า กว่าจะถึงได้ก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่ทุกคนที่มารอเหนื่อยกว่า กว่าจะผ่านเส้นทางมาได้ก็ยากลำบาก วันนี้มาเยี่ยมพวกเราเอาหัวใจมาฝาก และที่มาวันนี้เพราะห่วงใย ไม่อยากให้เป็นภาระแต่อยากมาดูด้วยตาตัวเอง ตนมาจ.อุบลราชธานี 6 ครั้งแล้ว อาจจะมากกว่าจังหวัดอื่น ซึ่งน้ำท่วมครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เพราะมีพายุและฝนตกหนักเกินกว่าจะรองรับได้ แต่จะพยายามลดให้มากที่สุด ซึ่งทุกกประเทศในโลกก็เจอปัญหาเดียวกันหมด อย่างในสหรัฐอเมริกา โดนกวาดทั้งรัฐ ซึ่งยุโรป และสหรัฐอเมริกาก็เจอโดยบางรัฐกวาดเกลี้ยงทั้งรัฐ แต่ของเราถือว่ารอดมาจากพายุโนรู มา 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่พอมาถึงประเทศไทยเหลือเพียง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ผลกระทบจากห่างของพายุทำให้ฝนตก วันนี้เราจึงต้องเตรียมการแก้ปัญหา เพราะทุกคนเดือดร้อน ฉะนั้นหลังจากน้ำลดต้องกลับไปเร่งฟื้นฟูให้ได้ โดยเรื่องของการเยียวยารัฐบาลจะเร่งดูแล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยัน ว่า ตนไม่เคยนิ่งนอนใจ ติดตามสถานการณ์ทุกวัน แต่ปัญหาของเราคือมันท่วมเยอะมาก และหลายพื้น ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ทั้งเหนือตอนบน ภาคกลางและกทม. และจะไปใต้ตอนบนตินล่าง มันเจอทั้งประเทศ เพราะน้ำมันไหลจากบนลงล่าง ซึ่งขึ้นอยู่กับการพร่องน้ำไปทางตะวันตกและตะวันออกได้อย่างไร ปกติมันทำได้ แต่ฝนมันผ่านมาทางนี้และข้างบนก็ลงมาอีกนี่คือปัญหาของเราที่เป็นประเทศอยู่ท่าทกลางมรสุม แต่เราก็โชคดีกว่าหลายประเทศในอาเซียน
วันรั้การแก้ปัญหาที่ผ่านมา เราทำได้เป็นระยะๆ ทุกอย่างมีโครงการเข้ามา แต่เราทำไม่ได้มากมาย เพราะเรื่องงบประมาณต้องทยอยทำ เราจะทำอย่างไรให้ประเทศเข้มแข็งมากขึ้น และมีรายได้มากขึ้น จีดีพีสูงขึ้นเราจะได้นำเงินมาดูแลเรื่องพวกนี้ ทั้งการเขื่อนสร้าง สร้างประตู การระบายน้ำ ไม่ได้แก้ตัว แต่นายกฯต้องคุมงบประมาณของภาครัฐให้สามารถทำให้ได้ วันนี้สิ่งสำคัญทุกคนต้องอยู่รอด มีอาหารกิน น้ำดื่ม ดูแลสุขภาพให้ดีที่สุดโครงการแก้ปัญหาความยากจนแก้ปัญหาอื่นๆ เมื่ออยู่รอดต้องพอเพียง หลังจากนั้นนั้ต้องฟื้นตัวให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเกิดวิกฤติตกาลแต่ละครั้งจะทำอย่างไรให้ฟื้นตัวได้เร็ว นี่อยู่ในแผนงานที่รัฐบาลจะต้องทำ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร แต่จะเร่งทำอย่างเต็มที่ เพราะรัฐบาลมีเวลา และยังมีโครงการอีกเยอะโดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดขอนแก่นมีแผนงานโครงการหลายพันล้านบาท
“วันนี้มาเยี่ยมให้กำลังใจขอไม่พูดเรื่องหนักหัวให้พวกเรา เพราะเห็นแล้วผมไม่สบายใจไม่มีใครสบายใจได้ ทุกพื้นที่รัฐบาลทำให้หมดทุกจังหวัดถามผู้ว่าราชการทุกจังหวัดได้ ไม่มีแบ่งเขาหรือแบ่งเรา ยืนยันตรงนี้ว่าเป็นรัฐบาลที่ต้องดูแลคนทั้งประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยตามเต้นท์ ภายในศูนย์พักพิงฯ โดยเมื่อนายกฯ เดินมาถึงเต้นท์ชาวบ้านที่ประสบภัยบ้านน้ำท่วมจะถึงชั้นสอง ที่มีการขนของย้ายหนี โดยนายกฯตบไหล่ พร้อมกล่าวปลอบใจว่า “ของจะเสียมันก็ต้องเสีย เดี๋ยวเราค่อยหาใหม่ บางอย่างเป็นโชคชะตาเรา ถ้าเราไม่อยู่ตรงนั้นมันก็ไม่ท่วม แต่เราต้องอยู่ตรงนั่นไง ถึงได้บอกว่าคราวหน้าให้ขนของขึ้นข้างบน ขอให้เป็นบทเรียน”
จากนั้น นายกฯเดินมาถึงเต้นท์เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาค 2 ที่มาให้บริการตัดผมฟรี โดยนายกฯ ทักทายชาวบ้านที่มาตัดผม โดยทราบว่า ผู้มาใช้บริการตัดผมเป็นทหารเก่า นายกฯจึงได้ทดลองตัดผมใช้ทั้งกรรไกรและปัตตาเลี่ยนพร้อมสอบถามความเป็นอยู่ และกล่าวขอโทษที่เล็มผมโดนศีรษะไปบ้าง
ขณะที่ชาวบ้านบอกว่า “ถือเป็นมงคลที่นายกฯมาตัดผมให้ “ โดยนายกฯได้ตอบกลับว่า “ก็เป็นมงคลเช่นกัน และขอให้ส่งมงคลนี้กับคนที่เดือดร้อนด้วย” ก่อนจะเดินทางกลับกทม.
ทั้งนี้ช่วงหนึ่งระหว่างที่นายกรัฐมนตรี อยู่บนรถยกสูงของ ปภ.ได้หันมาทักทายประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านล่างโดยกล่าวว่า “ทำเพื่อคนอื่นถ้าเหนื่อยผมก็ทนได้ น้ำเดี๋ยวมันมามันก็ไป ลำบากหน่อย ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ ถ้ารักกันแบบนี้เดี๋ยวก็ผ่านพ้น“
จากนั้นนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางกลับ ซึ่งระหว่างทาง พล.อ. ประยุทธ์ยังคงทักทายและให้กำลังใจชาวบ้านสองข้างทางเป็นระยะๆ และเมื่อเวลา 16.15 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้ลงลุยน้ำ เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกับชาวบ้านที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวซึ่งตั้งเพิงพักอยู่บริเวณริมถนนเส้นทางที่จะเดินทางกลับไปยังกองบิน 21 ตำบลไร่น้อย อำเภอเมืองอุบลราชธานี โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้กำลังใจพร้อมสอบถามสารทุกข์สุกดิบโดยได้ชี้แจงกับชาวบ้านว่าปริมาณน้ำระหว่างปีนี้กับปี 2562 นั้น มีความแตกต่างกันไม่มากโดยปีนี้ปริมาณน้ำที่มากเนื่องจากประเทศไทยต้องเจอกับพายุโนรู ซึ่งรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาให้กับประชาชน พร้อมขอให้ประชาชนอดทนซึ่งเชื่อว่าถ้าไม่มีพายุฝนลงมาเติมสถานการณ์น้ำก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ
โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ซื้อลูกชิ้นนึ่งจากชาวบ้านจำนวน 3 ไม้เพื่อมอบให้กับตำรวจพร้อมกล่าวเชิงกระเซ้าว่าไม้ละ 5 บาทซื้อได้เท่าไหร่ถึงจะไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง
ทั้งนี้ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจกับชาวบ้านที่ประสบความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ได้มีชาวบ้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุรายหนึ่ง ได้ให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ กลับว่า “ ขอให้นายกฯสู้สู้ ขอให้เป็นนายกฯ จนกว่าจะสิ้นชีวิต ขอให้เป็นนายกไปเรื่อยๆ ” ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับยิ้ม พร้อมกล่าวตอบว่า “ เอาอย่างนั้นเลยหรือ“
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเดินทางกลับพล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้เรียนรู้อยู่กับธรรมชาติให้ได้ เราจะต้องมีหลักคิด จะชอบหรือไม่ชอบไม่เป็นไร แต่ทุกเรื่องต้องมีหลักคิดถ้าเราไม่มีหลักคิดก็จะมีปัญหาตามมาได้ในทุกๆเรื่อง วันนี้เราต้องช่วยกันร่วมมือเพื่อสร้างความมั่นใจ ถ้าเราร่วมมือกันได้ ปัญหาทุกอย่างก็จะแก้ไขได้
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ถือเป็นการจบภารกิจแรกภายหลังกลับเข้าปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี