หลายจังหวัด จี้ถาม มหาดไทย เอายัง? ผู้บริหารท้องถิ่น “ถูกชี้มูลคดีทุจริต” แต่คัมแบ็กชนะเลือกตั้ง แม้ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากความผิดทุจริตในวาระที่ผ่านมา ด้าน “สถ.” เวียนแจ้งทุกจังหวัด รอกฤษฎีกา “ตีความ” หลัง “ฝ่าย กม.มท.” ยกข้อกฎหมาย กฤษฎีกา แตกต่างกับ ป.ป.ช.
วันนี้ (30 ก.ย.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) มีหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
ว่าด้วยข้อหารือ “การหยุดปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารท้องถิ่น” หลังจากมีหลายจังหวัด ทำหนังสือหารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับประเด็นนี้
ล่าสุด สถ. ได้เสนอ คณะกรรมการพิจารณากฎหมาย กระทรวงมหาดไทย พิจารณาข้อหารือ เกี่ยวกับการ "พ้นจากตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น
กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการทุจริต ต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
โดยหลายกรณี “ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ” ได้ประทับรับฟ้องแล้ว อันเป็นการกระทำความผิดในวาระที่ผ่านมา
“ต่อมาบุคคลดังกล่าว ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นอีก โดยบุคคลดังกล่าวจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 81 ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561”
ซึ่ง กระทรวงมหาดไทย เห็นว่า เรื่องดังกล่าวมีข้อกฎหมายที่แตกต่าง กับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กก.) ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เคยหารือไว้
ในเรื่อง การหยุดปฏิบัติหน้าที่ และการพ้นจากตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการฟ้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 เรื่องเสร็จที่ 1339/2563
โดย เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับ “การสั่งให้ผู้บริหารท้องถิ่นหยุดปฏิบัติหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายอำเภอ” แล้วแต่กรณี
“และเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เป็นไปด้วยความถูกต้อง มีแนวทางในการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ สถ. เสนอเรื่องต่อ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณาวินิจฉัยโดยด่วน”
อีกทั้งในระหว่างหารือ ให้ สถ. แจ้งเวียนจังหวัดให้รอผลการพิจารณา เพื่อให้การดำเนินการกรณีดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและไม่เกิดความเสียหาย กับผู้ที่เกี่ยวข้อง
หนังสือฉบับนี้ ระบุว่า เพื่อจะต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการฟ้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง สถ. จึงได้นำประเด็นดังกล่าวหารือต่อ กก.
“ในชั้นนี้ขอให้จังหวัด รอผลการพิจารณาของ กก. เพื่อให้การดำเนินการกรณีดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและไม่เกิดผลเสียหายแก่ผู้เกี่ยวข้อง”