“ปานเทพ” โชว์หลักฐานหนังสือจริง 107 ปีที่แล้ว หมอประจำพระองค์รัชกาลที่ 6 ให้ชาวบ้านใช้กัญชาเพื่อการพึ่งพาตัวเองได้ ตอกย้ำกัญชาไม่ใช่ยาอันตรายถึงขั้นต้องให้อยู่ห่างมือประชาชน เชื่อประชาชนไม่อยากเห็นการนำกัญชามาเล่นการเมือง กมธ.ต่างมีตัวแทนพรรคทุกฝ่าย จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยป็นสิทธิที่จะแก้ไขรายมาตรา ไม่จำเป็นต้องประวิงเวลาใดๆ
วันนี้(19 ก.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ กระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พร้อมภาพประกอบ มีรายละเอียดระบุว่า
ภาพหนังสือที่ปรากฏที่อยู่ในมือผมนั้น เป็นหนังสือ “หมอประจำบ้าน” ในการจัดพิมพ์ครั้งที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๘ (๑๐๗ ปีที่แล้ว) โดย พระทิพจักษุสาสตร์ (สุ่น สุนทรเวช) ต่อมาได้รับพระราชทานเป็นพระยาแพทยพงศาพิสุทธาธิบดี ซึ่งเป็นแพทย์พระจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖
พระยาแพทยพงศาพิสุทธาธิบดีนี้ (สุ่น สุนทรเวช) เป็นลุงของอดีตนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช พระยาแพทยพงศาพิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) ได้เขียนตำรา “หมอประจำบ้าน” นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวบ้านพึ่งพาตัวเองได้ มีความหมายว่าแม้ไม่เป็นหมอก็สามารถดูแลตัวเองได้
ปรากฏตามคำนำของหนังสือเล่มนี้ความว่า
“ตำราหมอประจำบ้าน ไม่ใช่ตำราสำหรับเรียนให้รู้จนเป็นแพทย์ได้จริงๆ เป็นแต่ตำราคู่มือของพ่อบ้านและแม่เรือน เพื่อให้รู้ในวิชาแพทย์อย่างละเล็กละน้อย สำหรับไว้รักษาปฏิบัติตนและครอบครัว
การที่มีความรู้ไว้บ้างเช่นนี้ เป็นประโยชน์ที่จะหลีกเลี่ยงโรคได้บ้างบางอย่าง หรือมิฉะนั้นก็อาจจะรู้เท่าทันในโรคที่เพิ่งแรกเป็น โรคที่พอจะรักษาหายได้ง่ายก็มี แม้จะรักษาหายไม่ได้แล้ว ย่อมเป็นการสดวกที่จะทำการติดต่อกับแพทย์ต่อไป หรือบอกเล่าอาการโรคได้แม่นยำ ดีกว่าผู้ที่ไม่รู้เสียเลย”
หมายความว่าเนื้อหาในตำราเล่มนี้มีไว้เพื่อให้ชาวบ้านสามารถพึ่งพาตัวเองได้ อย่างไม่ยากเย็น โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหมอซึ่งแปลว่าเป็นยาที่มีความปลอดภัยที่สามารถใช้ตามบ้านได้ด้วย
“กัญชา” ได้เป็นหนึ่งในตำราสรรพคุณยาที่ พระทิพจักษุสาสตร์ (สุ่น สุนทรเวช) ได้เรียบเรียงเอาไว้ในหน้าที่ ๑๗๒ ซึ่งมีการวาดรูปทั้งต้นกัญชาที่มีช่อดอกอยู่บนยอดสุด ความว่า
“Tincture Cannabis Indica ทิงเจอร์ แคนนาบิส อินดิก้า
เป็นยาน้ำสีเขียว ทำจากยอดกันชาโดยใช้แอลกอฮอล์กัด รับประทานได้ ๕ ถึง ๑๕ หยด เป็นยาสงบเส้นประสาท แก้ปวด และแก้เนื้อกระตุก แก้ลงท้องและปวดท้อง ใช้ในโรคสมองพิการ คลั่งเพ้อ และโรคบิด ใช้ใบหั่นสูบในการรักษาโรคหืดด้วย””
ดังนั้นจะเห็นได้ว่ากัญชาไม่ใช่ยาอันตราย ถึงขั้นที่จะต้องให้ห่างมือประชาชนที่ต้องการจะพึ่งพาตัวเอง และไม่จำเป็นต้องอยู่ในมือแพทย์เท่านั้น เพราะทุกวันนี้ก็มีผู้ป่วยใช้น้ำมันกัญชาใต้ดินที่ผิดกฎหมายเป็นส่วนใหญ่ที่ประชาชนไทยได้ใช้กันอยู่ในวงกว้าง เราจะให้ผู้ป่วยเหล่านี้เป็นอาชญากรได้อย่างไร
เหลือเพียงแค่ว่าจะเปิดใจยอมรับความจริงนี้หรือไม่ เพราะเมื่อกัญชาเสพติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่ และเพราะเมื่อกัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์ในวงกว้าง เราจะรอยาราคาแพงๆ ที่มีสิทธิบัตรยาต่างชาติไปเพื่ออะไร และเราจะทำให้กัญชาถูกผูกขาดเอาไว้กับกลุ่มทุนแพทย์และกลุ่มทุนบริษัทยาไปเพื่ออะไร
แต่เหนือสิ่งอื่นใดประชาชนคงไม่ต้องการเห็นนำกัญชามาเล่นการเมือง เพราะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง กัญชา กัญชง พ.ศ…. ต่างมีตัวแทนพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลครบ และยังมีองค์ประกอบจากผู้ทรงคุณวุฒิหลายภาคส่วนทั้งจากรัฐและเอกชน หากสภาผู้แทนราษฎรจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับกรรมาธิการฯย่อมเป็นสิทธิที่จะแก้ไขรายมาตราตามอำนาจที่มี ไม่มีความจำเป็นต้องประวิงเวลาใดๆ เลย
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
โฆษกคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ กระทรวงสาธารณสุข
19 กันยายน 2565