ครม.ผ่อนผันให้วัดและสำนักสงฆ์ ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติไม่ต้องชำระค่าปลูกป่าทดแทนตามที่ ทส.เสนอ เพื่อแก้ปัญหาสำนักสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ เผยสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ยื่นขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ เพื่อการสร้างวัดตาม มติ ครม.วันที่ 23 มิ.ย.2563 และ มติ ครม.วันที่ 11 พ.ค.2564 ทั้งหมด 10,730 คำ
เมื่อวันที่ 15 ก.ย.นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทส.ได้ดำเนินการแก้ปัญหาพระสงฆ์และสำนักสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ โดยคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2565 ที่ผ่านมาได้มีมติ ครม.ที่ ทส.เสนอว่าในกรณีการดำเนินโครงการใดๆของหน่วยงานรัฐมีความจำเป็นต้องใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าและจะต้องมีการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมในพื้นที่ด้วย ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรร/อนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการหรือหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนินการปลูกป่าตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนดโดยถือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งของโครงการนั้นๆ ด้วย โดย “ยกเว้นหน่วยงานรัฐหรือโครงการบางประเภทที่ไม่ต้องจัดสรรงบประมาณค่าปลูกป่าทดแทน” ดังนี้ (1) โครงการเพื่อสร้างศาสนสถานและสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนา (2) โครงการที่มีวัตถุประสงค์เป็นไปเพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (3) โครงการเพื่อการจัดที่ดินที่ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.และ (4) โครงการที่เข้าใช้พื้นที่ป่าก่อนได้รับอนุญาตตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2563 เรื่องการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้และขอผ่อนผันตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2523 ในกรณีที่ปรากฏว่ายังมีส่วนราชการใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตและมติ ครม.เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2564 เรื่องขอขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ตาม มติ ครม.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2563
ด้านนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า มติ ครม.วันที่ 23 มิ.ย.2563 และมติ ครม.วันที่ 11 พ.ค.2564 ผ่อนผันให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต กรณีของวัดหรือสำนักสงฆ์ที่อยู่ในเขตป่าสงวนฯ ให้ยื่นขออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนฯ ตามระเบียบคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การขออนุญาตและการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนฯ พ.ศ.2565 หมวด 1 การขออนุญาต ข้อ 6(2) และหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตต้องเป็นไปตาม หมวด 2 หลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไขข้อ 12
กรณีวัดหรือสำนักสงฆ์ที่อยู่ในเขตป่า ตามมาตรา 4(1) แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ให้ดำเนินการขออนุญาตตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ.2558
ทั้งนี้ วัดหรือสำนักสงฆ์จะต้องอยู่ในบัญชีรายชื่อที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ระดับจังหวัดที่มีมติให้ขออนุญาตสร้างวัดให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อประกอบการพิจารณา
“สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ยื่นขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ เพื่อการสร้างวัดตาม มติ ครม.วันที่ 23 มิ.ย.2563 และ มติ ครม.วันที่ 11 พ.ค.2564 ทั้งหมดจำนวน 10,730 คำขอ ซึ่งวัดและสำนักสงฆ์ยังไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าระดับจังหวัดที่มีมติให้ขออนุญาตสร้างวัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ กรมป่าไม้ได้ประชุมกับกรมอุทยานฯ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ประชุมได้มีมติให้ยึดแนวทางตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2538 และให้คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ระดับจังหวัดตามคำสั่งคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ที่ 1/2552 พิจารณาจำแนกที่พักสงฆ์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ตามหลักการในการจำแนกที่พักสงฆ์ในเขตพื้นที่ป่าไม้และแนวทางแก้ไขปัญหาตามมติคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ ครั้งที่ 2/2540 เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2540 เพื่อประกอบในการพิจารณาอนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้เพื่อการสร้างวัดและเห็นควรหารือสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ก่อนแจ้งจังหวัดทุกจังหวัด สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ท้องที่ 1-13 และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้สาขาทุกสาขาต่อไป” อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าว