โฆษกรัฐบาล เผย ครม.ขยายระยะเวลาลดภาษีสรรพสามิต น้ำมันดีเซล และน้ำมันเตา สำหรับใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าในอัตราศูนย์ อีก 6 เดือน ตั้งแต่ 16 กันยายน 2565 - 15 มีนาคม 2566
วันนี้ (13 ก.ย.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี อนุมัติหลักการ ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่..) .... ปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกัน รวมถึงน้ำมันเตา ที่โรงไฟฟ้าใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยกำหนดให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราศูนย์ บาท/ลิตร ตั้งแต่ 16 กันยายน 2565 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2566 เพื่อควบคุมไม่ให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น จนกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจ และการดำเนินชีวิตของประชาชน
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังประเมินว่า จะก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีทั้งสิ้นรวม 1,436 ล้านบาท แบ่งเป็น สรรพสามิตน้ำมันดีเซล (บี0) ประมาณ 1,400 ล้านบาท และจากน้ำมันเตาประมาณ 36 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลัง ยืนยันว่า จะไม่กระทบต่อเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิต เนื่องจากรายได้ที่สูญเสียดังกล่าวไม่ได้ถูกนำไปรวมในเป้าหมายตั้งแต่ต้น ในทางกลับกันไฟฟ้าเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่มีความจำเป็นในการดำเนินชีวิต และดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน ซึ่งการจัดเก็บภาษีอัตราศูนย์สำหรับน้ำมันดีเซล (บี0) และน้ำมันเตาที่นำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในครั้งนี้ จะช่วยให้ต้นทุนในการผลิตกระแสไฟฟ้าไม่สูงมากเกินสถานการณ์ ส่งผลต้นทุนการผลิตในทุกอุตสาหกรรมก็จะไม่เพิ่มสูงมากจนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ