xs
xsm
sm
md
lg

ดร.ยุ้ย เปิดเวที ติวเข้มข้าราชการกทม.นัดแรก ปูพื้น“งบประมาณฐานศูนย์” เริ่มใช้ปีงบ 68

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ดร.ยุ้ย” ประเดิมเวทีแรกติวเข้มราชการกทม. นำร่องสู่การจัดทำแผนและงบประมาณฐานศูนย์ ตัวแทนเจ้าหน้าที่เขต 50 เขตและสำนักงานต่างๆ ปักธงลุยใช้ตัวชี้วัดรูปแบบใหม่ OKRs แทนKPIและงบประมาณฐานศูนย์หวังเริ่มใช้ในปีงบ 2568 มุ่งใช้งบประมาณที่จำกัดแต่ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ามากขึ้นหนุนกรุงเทพเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน

วันนี้(13 ก.ย.)ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และงบประมาณ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ กรุงเทพมหานครจัดการอบรมเรื่อง “การจัดทำแผนและงบประมาณฐานศูนย์ (Zero-based Budgeting) เพื่อให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจร่วมกับราชการ และ ตัวแทนเจ้าหน้าที่เขต 50 เขต และ สำนักต่างๆ ซึ่งเป็นครั้งแรก ที่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ในการปรับเป้าหมายและทิศทางของแผนงบประมาณในการพัฒนากรุงเทพมหานคร ให้สอดรับกับนโยบายของผู้ว่ากทม. ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนพัฒนาเส้นเลือดฝอย ให้กรุงเทพเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคนซึ่งจะเป็นฐานไปสู่มหานครแห่งเอเชียคาดว่าจะจัดทำได้ในปีงบประมาณ 2568

“แนวทางการทำงานของกทม.มียุทธศาสตร์ 7 ข้อที่เป็นแกนหลัก แล้วแตกแกนหลักมาเป็นยุทธศาสตร์ย่อย ซึ่งครั้งนี้ได้มุ่งเน้นเรื่องการทำ OKRs-Objective and key results หรือ การตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัด และ Zero-based budgeting หรือ งบประมาณฐานศูนย์ เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งจะเป็นฐานไปสู่มหานครแห่งเอเชีย ซึ่งจากการหารือโรดแมพของกทม.แผนปี 2566 จะเป็นการล้อยุทธศาสตร์ทั้ง 7 ด้านและมีบางโครงการได้ทำ OKRS ไว้แล้ว ส่วนแผนปี 2567 จะทำ Key results ใหม่ และ ปี 2568 งบประมาณจะต้องถูกเขียนใหม่ด้วยซีโร่เบสทั้งหมด” ดร.เกษรา กล่าว

สำหรับ OKRs จะเป็นตัวชี้วัดรูปแบบใหม่ที่ต่างจากดัชนีชี้วัดความสำเร็จหรือ KPI (Key Performance Indicato) ที่วัดคนทำงานเพียงแค่กระบวนการที่ได้ทำ แต่ OKRs เป็นแนวคิดการบริหารที่เน้นการตั้งเป้าหมาย และติดตามผล ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งในด้านคุณค่า และสัมฤทธิ์ผลจริง แม้จะไม่ได้ตามเป้าหมายทั้งหมด

“กรณี กทม.มีเป้าหมายให้เด็กในกทม.ได้เรียนว่ายน้ำทุกปี สิ่งที่เป็นเป้าหมายหลัก คือเด็กต้องว่ายน้ำได้ และ ไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่หากเป็น KPI กระบวนการ คือ จ้างครูมาสอนเด็กว่ายน้ำเท่านั้น อย่างไรก็ตาม OKRs จะทำให้สามารถประเมินได้ว่าความต้องการของประชาชนมีแนวโน้มเป็นอย่างไร เพื่อปรับนโยบายให้สอดรับกับนโยบายและการจัดสรรงบประมาณ” ดร.เกษรา กล่าว

ส่วนแผนการจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ ปัจจบันทีมกำลังร่างยุทธศาสตร์ ในการจัดลำดับความสำคัญของโครงการต่างๆ ภายใต้งบประมาณที่จำกัด ใช้งบประมาณที่น้อยลง และคุ้มค่าแต่ได้ผลลัพธ์การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการจัดทำงบประมาณแบบเดิมเพราะ จะทำให้ไม่เกิดการคิดใหม่ทำใหม่ เนื่องจากคิดจากฐานงบฯเดิมแล้วตั้งงบประมาณให้ครอบคลุมหรือมากกว่า แต่ด้วยสถานการณ์โลกเปลี่ยน การทำแบบเดิมไม่สอดคล้องกับการที่จะพัฒนาของเมืองที่จะให้ไปข้างหน้า ดังนั้นการทำงบประมาณฐานศูนย์ คือ การที่เราคิดใหม่ทำใหม่ เปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำงานโดยการเซตความคิดเป็นซีโร่ โดยพิจารณาจากโครงการยุทธศาสตร์ต่างๆ ซึ่งบางโครงการอาจไม่สอดคล้องกับแผนการพัฒนาในขณะนี้ ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนวิธีคิด เช่น ค่าไฟฟ้าแทนที่จะเพิ่มขึ้นทุกปี เราอาจจะคิดใหม่นำเทคโนโลยีมาใช้ อาจเกิดงบลงทุนสูงในปีแรก แต่ค่าไฟฟ้าจะลดลงอย่างแน่นอน เป็นต้น

“ด้วยประสบการณ์ที่ได้ทำงานทั้งใน ระบบราชการ และ องค์กรเอกชน จึงเข้าใจการทำงานทั้งสองระบบเป็นอย่างดี สิ่งที่แตกต่างทั้งสอง คือ งานราชการจะมีกรอบระเบียบกฎเกณฑ์มาก ขณะที่เอกชนมีเป้าหมาย คือ การทำกำไร ดังนั้นหากสิ่งใดไม่มีประโยชน์ต่อการทำกำไรก็สามารถตัดออกได้เลย ขณะที่โจทย์ของกทม.ไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่กทม.ต้องการก้าวไปสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ ดังนั้นตรรกะง่ายๆ ก็คือ หากสิ่งที่ทำอยู่วันนี้ไม่ได้เอื้อหรือทำให้กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่ในมิติต่างๆ ก็แสดงว่าเรื่องนั้นไม่ควรจะทำเท่าไหร่ เนื่องจากเวลาคือสิ่งที่มีค่าที่สุด และการเดินหน้าที่จะนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกชน ราชการ หรือ กทม. ต่างก็ต้องมีกรอบที่เป็นหลักกว้างๆ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่วางไว้” ดร.เกษรา กล่าว










กำลังโหลดความคิดเห็น