“เสรีพิศุทธ์” ยกตัวอย่าง “ป๋าเปรม” จี้ “บิ๊กตู่” ลาออกก่อนศาล รธน.วินิจฉัยปมวาระ 8 ปี เตือนดันทุรัง อาจจบชีวิตการเมือง เหมือนผู้นำศรีลังกา-ญี่ปุ่น อัด “มีชัย-วิษณุ” อย่าทำประชาชนสับสน
วันนี้ (13 ก.ย.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวกรณีการพิจารณาวาระ 8 ปี การดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ว่า ตนเคยอภิปรายไว้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะครบ 8 ปีแล้ว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 ให้เป็นนายกฯได้ไม่เกิน 8 ปี ไม่ได้บอกว่าครั้งเดียว หรือ 2 ครั้ง เขาบอกไม่ให้เกิน 8 ปี ก็หมายความว่า มันรวมทุกครั้ง เพราะฉะนั้น ไม่เกิน 8 ปี ต้องไปดูตั้งแต่ครั้งจอมพล ป. หรือสมัยคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้ามาเป็นนายกฯได้เกือบ 7 ปี เพราะมาเป็นนายกฯแป๊บเดียว คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพิ่งเป็นได้ประมาณ 5 ปี เขานับรวมหมด เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นตั้งแต่ 24 สิงหาคม 2557 และลงนามในฐานะนายกรัฐมนตรีมาเรื่อย และมาตรา 264 ก็บัญญัติชัดว่าให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ต่อไป ดู 2 มาตรานี้ก็พอ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่เป็นผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย เพราะถูกจ้างให้มาร่างรัฐธรรมนูญ และยังมีผลประโยชน์จากเบี้ยการประชุมอีก แล้วเขียนรัฐธรรมนูญออกมาเช่นนี้ ก็ไม่ควรอ้างเรื่องของการประชุมว่าเป็นเพียงการหารือพูดคุยกันในที่ประชุมไม่ใช่มติ รวมถึง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาพูดทำให้ประชาชนเกิดความสับสน
นอกจากนี้ เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม มีความละอายต่อความผิด เพราะสอนให้คนทำความดี แต่ตัวเองไม่ปฏิบัติ จะยึดแต่ผลประโยชน์ตัวเอง ตั้งแต่อยู่บ้านหลวง รถหลวง คนใช้หลวง เที่ยวรับเบี้ยประชุมเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ติดใจอะไร ถึงเวลาก็ควรไป
“ไปบอก พล.อ.ประยุทธ์ ให้ดู พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 8 ปี ท่านบอกพอแล้ว หรือจะเอาอย่างประธานาธิบดีศรีลังกา บริหารงานประเทศจนล่มจม ประชาชนเดือดร้อน ถูกประชาชนขับไล่ต้องหนีออกนอกประเทศ หรือจะเอาแบบนายกฯญี่ปุ่น 8 ปี ไม่พอเลยถูกยิงตาย ฉะนั้น ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกก่อนไม่น่าอาย แต่มารอให้ศาลพิพากษามันน่าอาย เพราะผมเชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตรงไปตรงมา เพราะทุกอย่างถือว่ามีความชัดเจนและสังคมก็รับรู้ จะตะแบงตีความเป็นอย่างอื่นคงไม่ได้”