xs
xsm
sm
md
lg

“เพจดัง” เผยจดหมายเปิดผนึกถึง “ชัชชาติ” ไล่ “ลาออก” 100 วัน ปล่อยน้ำท่วม “สุชัชวีร์” แนะ 6 ข้อเร่งแก้ก่อนสาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เริ่มได้ก้อนอิฐ จากแฟ้ม
“The METTAD” แชร์จดหมายเปิดผนึกถึง “ชัชชาติ” ไล่ “ลาออก” 100 วัน ล้มเหลวเตรียมการแก้น้ำท่วม ยกข้อมูล กทม.ตบหน้า “สุชัชวีร์” แนะ 6 ข้อเร่งแก้ ไม่ทำก็ไม่รอด “อัษฎางค์” ย้อนคำพูด “ดีขึ้นแน่นอนจำไว้เลย!”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (10 ก.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความระบุว่า

“ท่านชัชช่า ยังไม่อธิบายผลงานที่เกิดขึ้นเลย”

พร้อมทั้งแชร์ ภาพและจดหมายเปิดผนึกถึงชัชชาติ ของ
Sompob Pordi ระบุว่า

“จดหมายเปิดผนึกถึงชัชชาติ
นับตั้งแต่คุณเข้ารับตำแหน่งผู้ว่ากรุงเทพฯเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน จนถึงวันนี้ก็ประมาณ ๑๐๐ วัน คนกรุงเทพฯทั้งที่ลงและไม่ลงคะแนนเลือกคุณต่างได้เห็นการทำงานและผลจากทำการงานของคุณและทีมงานของคุณอย่างชัดเจนแล้ว เราแน่ใจว่าคุณและทีมงานของคุณจะทำประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับกรุงเทพฯและคนกรุงเทพฯได้ ด้วยการลาออกไปซะ ลาออกไปให้ไวๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ลงไปกว่านี้

๑๐๐ วันที่ผ่านมา คุณและทีมงานของคุณล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการบริหารจัดการเพื่อเตรียมตัวป้องกันนํ้าท่วมกรุงเทพฯ ทั้งที่ทุกคนรู้ดีว่าสำคัญและเร่งด่วนมากแค่ไหน

ข้อมูลและข้อเท็จจริงจากสำนักระบายนํ้าของกรุงเทพมหานคร ณ วันที่ ๘ กันยายน ระบุว่า ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม

การทำความสะอาด ลอกท่อระบายนํ้า ฝาบ่อพัก ตะแกรงรับนํ้า คันหิน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๗๗ เป็น ๘๒ ของแผนงาน

การเปิดทางนํ้าไหล ลดลงจากร้อยละ ๙๐ เป็น ๘๕ ของแผนงาน

การขุดลอกคูคลอง ลดจากร้อยละ ๙๖ เป็น ๓๙ ของแผนงาน

ทั้งที่ในปีก่อนหน้านี้ การเตรียมการสำคัญทั้ง ๓ เรื่อง สามารถทำได้อย่างตํ่าเป็นร้อยละ ๙๐ ของแผนงาน (ข้อมูลข้างต้นที่กล่าวมาแปะเอาไว้ในนี้ด้วยแล้ว)

ไม่ว่าความบกพร่องนี้จะเป็นเพราะอะไรก็ตาม ผลที่เกิดขึ้นคือ เมื่อมีฝนตกนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน จะเกิดนํ้าท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯทุกครั้งซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับคนกรุงเทพฯอย่างแสนสาหัสไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินทาง และความเสียหายแก่ทรัพย์สิน บ้านเรือน

ภาพ ข้อมูลรายงานผลแผนการระบายน้ำ การขุดลอกคู-คลอง ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก The METTAD
ก่อนการเลือกตั้ง คุณเองได้หาเสียงเอาไว้ว่า คุณได้ศึกษาปัญหาของกรุงเทพฯมากว่า ๒ ปี มีความพร้อมที่จะทำงานให้กับคนกรุงเทพฯ และที่สำคัญ คุณเองได้ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในตำแหน่งผู้ว่ากรุงเทพฯทุกคน รู้อยู่แล้วว่า กรุงเทพฯมีปัญหาอะไร ผู้ว่าฯมีอำนาจตามกฎหมายอย่างไร มีข้อจำกัดอะไรบ้าง หากไม่มีความพร้อมก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ และ ๑๐๐ วันที่ผ่านมา ก็ยืนยันแล้วว่าคุณและทีมงานของคุณไม่มีความพร้อมใดๆ

นอกจากนี้ คุณและทีมงานของคุณยังไม่สามารถคิดและแยกแยะได้ว่าอะไรมีความเร่งด่วนและสำคัญมากกว่ากันระหว่าง การบริหารจัดการเพื่อป้องกันนํ้าท่วม และ การฉายหนังกลางแปลง ที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ หรือ การเตรียมการแข่งเรือประเพณีที่คุณเข้าประชุมในวันที่คนกรุงเทพฯจำนวนมาก ยังต้องเดือดร้อนกับสถานการณ์นํ้าท่วม

การทำหน้าที่ที่สำคัญต่อความเป็นอยู่ ต่อประโยชน์ของผู้คนจำนวนมาก จำเป็นต้องได้ผู้ที่มีความรับผิดชอบ มีความรู้ มีความสามารถ มีสติปัญญา มีความตั้งใจจริง ความทุ่มเท ซึ่งแม้จะไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าคุณไม่มีในสิ่งเหล่านี้แม้แต่อย่างเดียว แต่การทำงานของคุณและทีมงานในระยะเวลา ๑๐๐ วันที่ผ่านมานั้น และผลลัพธ์แค่เรื่องการป้องกันนํ้าท่วมเรื่องเดียวก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าคุณไม่สามารถทำหน้าที่ดังกล่าวให้ได้ผลดีอย่างที่คุณสัญญาเอาไว้

คุณเองก็เคยทำงานภาคเอกชน ดังนั้นคุณต้องรู้ว่า หากทดลองงานไม่ผ่าน ก็จะถูกเลิกจ้าง ซึ่งคุณและทีมงานของคุณไม่ผ่านการทดลองงานในช่วง ๑๐๐ วัน

ดังนั้น หากคุณยังพอมีความละอายต่อสิ่งที่คุณได้พูดและได้สัญญาเอาไว้ หากคุณรักชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลที่เคยทำคุณงามความดีไว้ให้กับสังคมไทย คุณควรรีบลาออกไปพร้อมกับทีมงานของคุณเพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะทำให้กับกรุงเทพฯและคนกรุงเทพฯได้
ด้วยความหวังดี
ผมเอง”

 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
ขณะเดียวกัน นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า

“เช้านี้ออกจากบ้านที่ลาดกระบังแทบไม่ได้ #น้ำท่วมเป็นทะเลหน้าบ้าน ดูภาพ ถนนลาดกระบัง-หลวงแพ่ง-หัวตะเข้ จมถึงเข่า ไปถึงซอยเข้าวัดพลมานีย์ อ่วมหนัก สาหัสมากมาหลายวัน ไม่แก้ไข ท่านต้องมาเจอถึงจะเข้าใจความทุกข์ของคนลาดกระบัง ทุกข์แท้จริง

ขอพูดในฐานะชาวบ้าน คนกรุงเทพธรรมดา ที่เดือดร้อนตรงนี้ และเสนอหลักแก้ปัญหาในฐานะวิศวกรธรณีเทคนิค ที่เราทำงานเรื่องดินเรื่องน้ำ มาทั้งชีวิต ข้อสังเกตที่ต้องเร่งแก้ไข ด่วนที่สุด คือ...

1. ไม่มีเครื่องสูบน้ำ ถนนลาดกระบัง-หลวงแพ่ง- หัวตะเข้ หลายกิโลเมตร ที่น้ำท่วมขัง ทั้งฝั่งเข้า และฝั่งออก ตนเห็นเครื่องสูบน้ำเพียงไม่กี่เครื่อง น้อยมาก และสูบย้อนไป ย้อนมา กลับมาท่วมที่เดิม ขอแนะนำให้นำเครื่องสูบน้ำ จากพื้นที่ที่ยังปลอดภัย ขอยืมมาระดมสูบน้ำ และต้องวางแผนการสูบ ไม่ใช่การสูบโยนไป-โยนมา ชาวบ้านเดือดร้อนเพิ่ม เพราะอะไร ดูข้อ 2

2. ผมติดตามระดับน้ำบน #คลองประเวศบุรีรมย์ ทุกวัน ไม่มีลด ดูรูปประกอบ ระดับล้นตลิ่งคลองหลัก คลองแขนง ฝั่งหัวตะเข้-ลาดกระบัง ล้นมา 3 วัน เกิน 100% ที่จะรับได้ พูดง่ายๆ #น้ำทะลักแล้ว ไม่มีการช่วยระบายน้ำ เพื่อพร่องคลองประเวศฯ ที่เป็นคลองสายหลักของ #กรุงเทพตะวันออกเลย และไม่พร่องคลองแขนง เช่น คลองลำปลาทิว ดังนั้น ต่อให้มี #เครื่องสูบน้ำ ก็สูบไปไหนไม่ได้ เพราะคลองรับไม่ได้แล้ว ถ้าไม่พร่องน้ำ ก็สูบหลอก สูบย้อนไปย้อนมา ทะลักเข้าบ้านเรือนชาวบ้านอีก

3. ไม่ทราบว่ามีการประสานกับ #จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือไม่ อย่างไร เพราะน้ำท่วมต้องระบายออกทางตะวันออกบ้าง เพื่อพร่องน้ำในคลองหลัก และคลองแขนง ระบายในระดับที่เพื่อนบ้านไม่เดือดร้อน ทำได้ครับ แม่น้ำบางปะกงติดอ่าวไทย ไหลระบายลงเร็วมาก ช่วยได้ทันที แทนที่จะปล่อย #เขตลาดกระบัง และกรุงเทพตะวันออกให้จมมิดสนิท

4. แทบไม่เปิดประตูน้ำคลองประเวศฯ ให้น้ำผ่านไปขึ้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่สถานีสูบน้ำพระโขนง เพราะเมื่อไม่ระบายทางตะวันออก ก็มีทางน้ำออกทะเลทางเดียวคือ ทางเจ้าพระยา ที่ไกลมากกว่า 20 กิโลเมตร จากที่นี่ ดังนั้น กว่าจะถึงพระโขนง ระดับน้ำในคลองก็ถูกลดระดับ เฉลี่ย จนแทบไม่มีผลกระทบต่อเขตชั้นใน ลองคำนวนดูก็ได้ ประตูน้ำถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม แต่กลับมาสร้างปัญหาน้ำท่วม ไม่น่าเลย

5. ไม่มีเซนเซอร์วัดระดับน้ำอัตโนมัติ? ในพื้นที่ลาดกระบัง จากที่ติดตามข้อมูลของสำนักระบายน้ำ น่าตกใจที่สุด ที่พื้นที่เสี่ยงที่สุด กลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีข้อมูลจากสถานีตรวจวัด ในการจัดการแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ เพราะเมื่อไม่มีเซนเซอร์ ไม่มี #ระบบการวัดระดับน้ำ อย่างละเอียด ก็เหมือนคนตาบอด แก้ปัญหาไม่ตรงตามสถานการณ์ สูบน้ำก็พลาด เปิดประตูน้ำก็ผิดช่วงเวลา

6. เห็นกระสอบทรายมากั้นท่อระบายน้ำ ผิดที่ ผิดเวลา ไม่กล้าวิเคราะห์จริงๆ จะให้น้ำลงไปทางไหน ท่วมถนน จมขนาดนี้ เครื่องสูบก็แทบไม่มี

ฝนกำลังมาอีกระลอก ผมแนะนำด้วยความห่วงใย ไม่ทำเดี๋ยวนี้ ก็จะจมต่อไป จากนั้นถนนจะพัง ดินจะทรุด บ้านเรือนจะเสียหาย ไฟฟ้าจะดูด ผลกระทบต่อเนื่องน่ากลัวกว่าที่คิด” (จากไทยโพสต์)

ภาพ นายอัษฎางค์ ยมนาค จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้ทำคลิปรวบรวมการให้สัมภาษณ์ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม. โดยโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” ในหัวข้อ “ทัวร์หนึ่งนาทีกับชัชชาติ”

เนื้อหาคลิปความยาว 1.25 นาที นายชัชชาติ กล่าวอย่างมั่นใจเกี่ยวกับน้ำท่วม กทม. ซึ่งเป็นปัญหามาโดยตลอด ว่า “จะดีขึ้นแน่นอน อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง จำไว้เลย” และ “ถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามาอาสาเป็นผู้ว่าฯ”

นอกจากนี้ใ นคลิปยังมีการรวมรวบความเห็นของบรรดากองเชียร์นายชัชชาติ ที่เคยโพสต์ในเฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์โจมตี พล.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ต่อการแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ เมื่อครั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.(จากไทยโพสต์)

แน่นอน, หลังจาก “ชัชชาติ” รับดอกไม้มาตลอดในช่วง “ฮันนีมูน” กับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. และ 100 วันผ่านไป ดูเหมือนก้อนอิฐเริ่มมา

ก่อนหน้านี้ ฝ่ายที่หลงใหลได้ปลื้มว่า ชัยชนะของ “ชัชชาติ” คือ ชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตย และพยายามปกป้องอย่างถึงที่สุด หากมีใครหยิบยกปัญหาการทำงานของ “ชัชชาติ” มาวิพากษ์วิจารณ์ จนดูเหมือน “ชัชชาติ” ทำอะไรก็ไม่ผิด แม้สิ่งที่ “ชัชชาติ” ทำจะไร้สาระไปบ้าง เมื่อมองถึงความตั้งใจทำงานให้สมกับที่ประชาชนกว่า 3 ล้านคน เทเสียงสนับสนุน อย่าง การเตรียมแก้ปัญหาใหญ่หลวงเรื่องน้ำท่วม ที่รู้อยู่แล้วว่า เป็นปัญหาที่ กทม.จะต้องโดนทุกปี ไม่มากก็น้อย
วันนี้น่าจะหมดเวลา “โอ๋” หรือ “ปกป้อง” ได้แล้ว เพราะ 100 วัน ไม่อาจพูดว่า เร็วเกินไป ที่จะวิพากษ์วิจารณ์อีกต่อไป ที่สำคัญ ได้เวลา “พิสูจน์ตัวเอง” ให้คน กทม.เห็นได้แล้ว

ของจริง หรือ ของปลอม “ปัญหาท้าทาย” อย่าง “น้ำท่วม กทม.” ถือว่า เหมาะที่สุด เพราะอย่าลืมว่า มีบางคนเชียร์ถึงขั้น จะให้เป็น “นายกรัฐมนตรี” ถ้าเรื่องน้ำท่วมยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ล้มเหลว” ไม่เป็นท่า และจะดันให้เป็น “นายกฯ” เพื่อ...

อย่างไรก็ตาม ถ้าดีจริง อย่างไรก็ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้อยู่แล้ว พิสูจน์ตัวเองออกมา!?


กำลังโหลดความคิดเห็น