ได้ฤกษ์ อัปเกรดระบบรักษาความปลอดภัย “ทำเนียบรัฐบาล” ครั้งใหญ่ สลน.จัด 50 ล้าน ปรับปรุง เน้นเฉพาะพื้นที่ “สะพาน” ประตูเข้า-ออก 6 จุด รอบทำเนียบ เฉพาะ “กล้องวงจรปิด” เน้นแบบ “บันทึกภาพป้ายทะเบียนรถ-คัดกรองบุคคล” ติดอย่างน้อย 8 จุด ทำงานร่วมกับระบบอ่านบัตร ปชช./พาสปอร์ต/ใบขับขี่ ทั่วไทย เผย มีแผนเปลี่ยนบัตรเข้า-ออกแบบใหม่ 5,000 ใบ พลาสติกแบบบางสีขาว ทำจาก PVC อ่าน ID ได้หลายชนิด
วันนี้ (9 ก.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ภายในทำเนียบรัฐบาล เตรียมปรับปรุงระบบการรักษาความปลอดภัยครั้งใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่ประตูเข้า-ออก ทั้ง 6 จุด โดยใช้งบประมาณมากกว่า 50 ล้านบาท
ประกอบด้วย ทางเข้าออกบริเวณลานนํ้าพุ, ทางเข้าออกประตู 5, ทางเข้าออกสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถ.ราชดำเนินใน, ทางเข้าออกประตู 4 บริเวณ ถ.พิษณุโลก สะพานอรทัย แยกนางเลิ้ง และสะพานชมัยมรุเชฐ
ล่าสุด สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้ออกประกวดราคาซื้อโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทำเนียบรัฐบาล จำนวน 1 โครงการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
กำหนด ราคากลางและขอบเขตของงาน จัดซื้อในการประกวดราคาครั้งนี้ เป็นเงินทั้งสิ้น 48,368,110 บาท สลน.ได้รับการจัดสรร เพื่อดำเนินการ โครงการดังล่าว ผ่านงบประมาณรายจ่าย ปี2565 วงเงิน 50 ล้านบาท
โครงการดังกล่าว ดำเนินการโดย กองสถานที่ ยานพาหนะ และรักษาความปลอดภัย หลังจากปัจจุบันระบบการรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับ การตำรวจสันติบาล 3 เป็นหลักในการตรวจสอบ คัดกรอง
“ยังไม่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งระบบ และไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันระหว่างประตูเข้า-ออก ได้ อีกทั้งไม่มีเครื่องมือตรวจสอบยานพาหนะ และเครื่องสกัดกั้นยานพาหนะ ที่มีประสิทธิภาพในกรณีเกิดเหตุเร่งด่วน”
สำหรับราคากลางของงานซื้อ สลน. ระบุถึงการจัดซื้อใน ประกอบด้วย ระบบคัดกรองยานพาหนะพร้อมไม้กั้น, ระบบคัดกรองบุคคลพร้อมประตูอัตโนมัติควบคุมการเข้า-ออก ,ระบบตรวจใต้ท้องยานพาหนะ ชุดสกัดกั้นยานพาหนะ
ยังพบว่า เตรียมจัดซื้อระบบการลื่อสารภายในระหว่างศูนย์ควบคุมกลางกับศูนย์เครือข่ายย่อย และป้อมรักษาความปลอดภัย จำนวน 1 ระบบ และศูนย์ควบคุมส่วนกลาง จำนวน 1 ระบบ
“ศูนย์เครือข่ายย่อย จำนวน 8 จุด จะมีการก่อสร้างและปรับปรุงภูมิทัศน์ ประตู 4 ประตู 5 บริเวณนํ้าพุ พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ป้อมเซิงสะพานชมัยมรุเชฐ จัดหาป้อมรักษา ความปลอดภัยทดแทนของเดิม ทั้ง บริเวณประตู 1, ประตู 8, สะพานมัฆวาน และสะพานอรทัย”
ที่น่าสนใจอยู่ที่ “กล้องวงจรปิด” พบว่า เป็นกล้องสำหรับบันทึกภาพป้ายทะเบียนยานพาหนะ/กล้องวงจรจดสำหรับตรวจสอบทางเข้าและจับภาพรถ/จะติดตั้งบริเวณทางออกประตู 4 ประตู 5 สะพานมัฆวาน สะพานอรทัย เพิ่มแห่งละ 7 ชุด
“จะมีกล้องวงจรปิด สำหรับคัดกรองบุคคลสำหรับติดตั้งภายนอกอาคาร อย่างน้อย 8 ชุด ที่ศูนย์เครือข่ายย่อยทุกจุด ทำงานร่วมกับตู้ KIOSK ที่สามารถอ่านบัตรประชาซน/หนังสือเดินทาง/ระบบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะ/รหัส QR CODE มีกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามสถานการณ์ทั่วไป ในศูนย์เครือข่ายย่อย อย่างน้อย 6 จุด”
บริเวณนั้น ยังจะเพิ่ม “ไม้กั้นรถยนต์อัตโนมัติ” ชุดควบคุมไม้กั้นรถยนต์อัตโนมัติ (Access Control) พร้อมกล้องตรวจจับใบหน้า โปรแกรมตรวจสอบหมายเลขทะเบียนยานพาหนะอัตโนมัติ พร้อมสิทธิการใช้งาน และกระจกส่องใต้ท้องรถพร้อมไฟฉายแบบมีล้อ ขนิดสี่เหลี่ยมขนาดไม่น้อยกว่า 30 ซม. อย่างน้อยพื้นที่ละ 1-10 ชุด และชุดสกัดกั้นยานพาหนะหลายแบบ เช่น แบบเสากั้นรถอัตโนมัติอีกทุกจุด
แผนดังกล่าวจะมีการก่อสร้างโครงหลังคาเหล็ก เพิ่ม 3 หลัง ขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 9 เมตร ยาวไม่น้อยกว่า 10 เมตร และสูงไม่น้อยกว่า 6 เมตร บริเวณทางเข้า-ออก ถนนลูกหลวง สะพานอรทัย และทางเข้าเชิงสะพานมัฆวาน
การเพิ่มประสิทธิภาพครั้งนี้ จะมีการนำอุปกรณ์ชะลอความเร็ว มาใช้ร่วมกับกล่องรับบัตร RFID อัตโนมัติ ประตูอัตโนมัติควบคุมการเข้า-ออก แบบ 1 ช่องทางเดิน ชุดควบคุมประตูอัตโนมัติ (Access Control)
ยังพบว่า จะมีการติดตั้งกล้องตรวจจับใบหน้า จอแสดงผลการตรวจสอบบุคคล ชุดตรวจสอบบุคคลเข้า-ออกอาคาร ติดตั้งกับผนังอาคารบริเวณประตูทางเข้าตึกบัญชาการ 1 ตึกแดง อาคาร 41 และอาคาร 44 อีกหลายชุด
ข้อมูลนี้ระบุว่า การรักษาความปลอดภัย จะมี “ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง" ที่ อาคาร 44 ชั้น 4 ทั้งห้องศูนย์ควบคุม (Control Room) และห้องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Server Room) เปิดระบบ 24 ชม.เพื่อสื่อสารภายในกับศูนย์เครือข่ายย่อย ผ่านระบบเสียงตามสาย”
นอกจากนั้น สลน. ยังมีแผนเปลี่ยนบัตรสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาล และบัตรสำหรับผู้มาติดต่อราชการ “แบบใหม่” จำนวน 5,000 ใบ
“ตัวบัตร จะมีสีขาว ทำจากพลาสติกแบบบาง ชนิด PVC หรือเทียบเท่า หรือดีว่า เป็นบัตรชนิด Passive RFID เป็นชนิด Dual Frequency ที่ย่านความถี่ FHF และ UHF”
เมื่อปี 2563 สลน.เพิ่งจัดงบ 50 ล้าน อัปเกรด “เคเบิลใยแก้วนำแสง” พื้นที่ 14 กลุ่มอาคารทั่วทำเนียบรัฐบาล โดยเน้นระบบป้องกันความปลอดภัยเครือข่าย เฉพาะใช้งบกว่า 11.6 ล้าน เฉพาะติดตั้งฮาร์ดแวร์ป้องกันการเจาะระบบ-โจมตีผ่านช่องโหว่ซอฟต์แวร์จากกลุ่มแฮกเกอร์