xs
xsm
sm
md
lg

“สมคิด” เปิดตัวรับนั่ง ปธ.สร้างอนาคตไทย ลั่นได้เป็นนายกฯหรือไม่ อยู่ที่ฟ้าลิขิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สมคิด” เปิดตัวนั่ง ปธ.พรรคสร้างอนาคตไทย จวกการเมืองวันนี้ เหมือนคอกม้า ซื้อขายโจ่งครึ่ม สับ “บุพเฟ่ต์คาบิเนต” ทำวอล์กเอาต์ออกจาก รบ. จี้ นายกฯยุคนี้ต้องเป็นผู้นำตัวจริง เหตุต่างชาติขาดความเชื่อมั่น หากทำไม่ได้ทุบโต๊ะยุบสภาไปเลย เหน็บ “ลุงป้อม” ไม่มีใจบันดาลแรง มีแต่แรงบันดาลใจ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศ ลั่นได้เป็นนายกฯ หรือไม่ อยู่ที่ฟ้าลิขิต วาง 3 เงื่อนไขสำคัญร่วมงาน “สร้างอนาคตไทย”

วันนี้ (8 ก.ย.) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถ.วิภาวดีรังสิต กทม. พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) จัดกิจกรรม “#คิดสร้างอนาคตไทย” ซึ่งเป็นการเปิดตัว นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในตำแหน่งประธานพรรค โดยมีผู้บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง นำโดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ตลอดจนผู้แสดงเจตจำนงลงสมัคร ส.ส.ทั่วประเทศของพรรคด้วย ทั้งนี้ นายสมคิด ได้เดินทางมาพร้อมกับ นายณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์ หรือ น้องคลัง บุตรชายคนเล็ก ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานยังพบ นายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกฯ พร้อม ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ที่เคยเปิดตัวร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ, นายนวกิจ พลวิเศษ บุตรชาย นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา และ นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ และอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรียุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาร่วมงานด้วย

นายสมคิด ได้ขึ้นกล่าวเปิดใจถึงการตัดสินใจร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย โดยได้กล่าวถึงบุตรชายที่ร่วมเดินทางมาด้วยว่า วันนี้ตนมาพร้อมกับลูกชายคนเล็ก เป็นลูกที่สวรรค์ส่งมาให้ตน ในขณะที่ตนเป็น รมว.คลัง ขณะนี้อายุ 20 ปี เรียนวิศวกรรมศาสตร์ ปี 2 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ตนพามาด้วยเพื่อให้เป็นประจักษ์พยาน ได้เห็นได้รู้ว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดีมันมีจริง ต้องการให้เรียนรู้ว่าการทำพรรคการเมืองมันไม่ใช่ของง่าย ต้องการให้เขาเข้าใจในพ่อของเขาว่าต้องกลับมาช่วยเหลือน้องๆ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นภารกิจหน้าที่ทั้งนั้น

“ไม่ใช่เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งนายกฯ ไม่มีความหมายเลย แต่ที่มีคือ การเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย ประเทศไทยมีนายกฯมาทุกสมัย ดีบ้าง อ่อนบ้าง แต่ยากจริงๆ ที่จะหาผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาบ้านเมือง บางทีไม่ใช่เพราะไม่กล้า แต่พลังไม่ถึง บางคนพลังถึง แต่ไม่คิดที่จะทำ ฉะนั้น วันนี้มาเพื่อให้น้องคลังได้เห็นสิ่งที่พ่อเขาพยายาม ไม่ว่าจะได้มากได้น้อย มันเป็นเรื่องของชะตาบ้านเมือง” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวต่อว่า อยากให้นิวเจน (คนรุ่นใหม่) ได้รู้ว่าการเมืองไม่ได้เลวร้าย การเมืองดีก็มี การเมืองที่มุ่งทำงานให้ชาติก็มี คนที่มุ่งทำงานก็มี อย่าคิดว่าการกลับมานั้นหวังแค่นายกฯ ให้คิดเสียใหม่ รู้จักชื่อสมคิดน้อยไป วันนี้มาด้วย 2 วัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์แรก มาเพื่อให้กำลังใจพรรค ขอบคุณทางพรรคที่มีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเมืองเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อเป็นหลักยึดแก้ไข เพื่อเป็นอนาคตให้กับคนรุ่นหลาน ซึ่งหายากจริงๆ ไม่คิดถึงอนาคต คิดถึงแต่ปัจจุบัน ถ้าเป็นอย่างนั้นบ้านเมืองไปไม่ได้ ขอบคุณจริงๆ ที่มีความเด็ดเดี่ยวที่กล้าประกาศว่าเป็นพรรคสายกลาง ไม่คิดสุดโต่ง สุดขั้ว เพราะความคิดแบบนั้น แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งกลุ่มมีแต่ทำลายตัวเอง ทำลายบ้านเมือง จุดสำคัญคือ คุณต้องเป็นกลาง เพื่อเป็นตัวยึดโยงให้พลังในชาติสามารถเป็นพลังแห่งชาติ คิดในสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อชาติบ้านเมืองเป็นใหญ่

“สิ่งสำคัญที่สุด ท่าน (พรรคสร้างอนาคตไทย) มีความกล้าหาญเพียงพอที่กล้าตั้งพรรคการเมืองในขณะนี้ทั้งที่สถานการณ์ทางการเมืองมันค่อนข้างเละเทะจริงๆ สถานการณ์ที่เงินตราเริ่มเข้ามามีบทบาทสูงมาก การแข่งขันทางการเมืองเริ่มมีลักษณะเหมือนการแข่งขันในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอกที่ต้องมีเจ้าของ และคอกก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงม้า สิ่งเหล่านี้ที่ผ่านมาแม้มีมาตลอด แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทุกคนรู้ว่า มันมีอยู่ โจ่งครึ่มเกินไป” นายสมคิด ระบุ

นายสมคิด กล่าวต่อว่า ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากเข้ามา หันหลังให้การเมืองไทยตลอด และจะไม่ได้คนดีเลย ฉะนั้น ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ที่จะรวบรวมความคิดอ่านเพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชนคือความกล้าหาญที่แท้จริง ไม่ต้องไปคำนึง ไปกลัวว่าจะได้กี่เสียง จำนวนเสียงไมได้บอกอะไร แต่ศรัทธาของประชาชนคือหัวใจ อย่าคิดว่าเงินตราจะซื้อคอกม้าใหญ่ได้แล้วจะมีพลังในการบริหารประเทศ ถ้าเล่นการเมือง สร้างพรรคการเมือง คิดแต่สร้างผลทางอำนาจ แต่ถ้าไม่มีโครงสร้างทางปัญญา ไม่สั่งสมคนมีความสามารถ สุดท้ายจะไปไม่รอด จะพาบ้านเมืองไปไม่รอดด้วย

“มีคนเคยบอกว่าสมคิดไม่มาแน่นอน เพราะต้นทุนทางสังคมเยอะพอสมควร จะมาอยู่กับพรรคเล็กทำไม ผมมาที่นี่ไม่ใช่เพราะตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ แต่ต้องการช่วยพรรคครั้งนี้ เป็นตัวอย่าง เป็นตัวขับเคลื่อน สร้างความเปลี่ยนแปลงกับประเทศไทยในทางที่ถูกต้อง” นายสมคิด ระบุ

นายสมคิด กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยสถานการณ์หนักกว่าที่คิด และอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ตนจำได้ว่ารัฐบาลที่แล้วเมื่อปี 2557 ก่อนที่ตนจะส่งทีม 4 กุมารเข้าไป จีดีพีเหลือเพียง 1% เพราะมีการรัฐประหาร ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องช่วยกันทำงานจนลากจีดีพีขึ้นมาถึง 3-4% แต่ต่อมาต้องมาเจอพิษโควิด-19 และพิษการเมืองที่แสวงหาอำนาจ แต่ไม่แสวงปัญญา เป็นรัฐบาลผสม หรือบุฟเฟ่ต์คาบิเนต มีที่ไหนที่นโยบายประเทศแบ่งกันตามกระทรวง ทางใครทางมัน ตนจึงวอล์กเอาต์ นี่คือความเป็นจริงของประเทศไทย ทำให้จีดีพีหดตัว วันนั้นเรายังไม่มีปัญหาเรื่องการส่งออก และพลังงาน มาวันนี้การส่งออกเริ่มชะลอตัว เมื่อมองไปข้างหน้า เราจะพบมรสุมลูกใหญ่ แล้วเราจะถึงฝั่งได้อย่างไร พร้อมมองว่า การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เคยปูทางให้มีการลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะนักลงทุนขาดความมั่นใจ ทำให้นักลงทุนต่างชาติเปลี่ยนใจไปลงทุนที่เวียดนาม และอินโดนีเซีย การพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน มีความล่าช้า, ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลง ปัญหาเหล่านี้ มีเหตุผลมาจากการเมือง

“เรามีนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นตัวจริง เราต้องการนายกฯจริงๆ เพื่อให้โฟกัสที่ไปตัวผู้นำ ไม่อย่างนั้นใครจะนำเรือลำนี้ หรือจะให้ข้าราชการนำ เพราะการเมืองไม่ไหว ทำมากผิดมาก ไม่ทำเลยไม่ผิด คนดีมีความสามารถนิ่งเสียตำลึงทอง ฉะนั้น ทั้งหมดอยู่ที่ผู้นำที่ต้องทุบโต๊ะ ถ้าไม่ช่วยเหลือให้ยุบสภาเลย เก็บไว้ทำไม” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวด้วยว่า การกอบกู้และสร้างอนาคตของประเทศ โดยการตั้งกองทุนเยียวยาผู้ที่มีปัญหา ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี, การแก้ปัญหาเรื่องราคาพลังงาน ทำไมจึงไม่สามารถลดค่าการตลาด ค่าการกลั่นได้ ทั้งที่กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่, การแก้ปัญหาราคาปุ๋ยแพงที่เคยมีแนวคิดเรื่องปุ๋ยสั่งตัด แต่ตอนนี้หายไป การกระจายอำนาจและงบประมาณจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ถ้าจังหวัดไหนพร้อมก็ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดไปเลย

นายสมคิด กล่าวว่า เมืองไทยจะไปไม่ไหว ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าทำไม่เป็น ไม่ใช่ว่าคนไทยไม่ดี คนไทยมีความอดทนสูงมาก ตนอายุขนาดนี้ คนไทยไม่เคยบ่น ลำบากก็ไม่บ่น เขามองหาความหวังว่าใครจะมาช่วยเขา ที่น่าเป็นห่วงคือ ถ้าเขามองแล้วความหวังไม่มี พรุ่งนี้ไปตายเอาดาบหน้า อันนี้เป็นส่งที่น่าเป็นห่วง ยิ่งวันยิ่งจน เมื่อจนไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ การจะเป็นเหยื่อของการปลุกปั่นเกลียดชังจะเกิดขึ้น เพราะจะมีคนปลุกปั่นอยู่ การปลุกปั่นยุยงให้แตกแยกกันไม่มีใครได้ประโยชน์นอกจากคนปลุกปั่น การเป็นปฏิปักษ์กันเองของคนในชาติเป็นสิ่งที่พรรคนี้อย่าให้เกิดขึ้น ต้องมุ่งมั่น เอาคนดีมาร่วมมือกันทั้งในพรรคและนอกพรรค

นายสมคิด ยังได้ตั้งแงื่อนไขการรับตำแหน่งประธานพรรคสร้างอนาคตไทยด้วยว่า ยินดีที่จะเข้ามาช่วยเป็นประธานพรรค แต่ได้ฝากให้พรรคยึดหลักในการทำงานที่สำคัญ 3 ประการ คือ 1. เป็นพรรคที่ดีมีอุดมการณ์ มีนโยบายที่ดี เกาะเกี่ยวกับประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่เลือกตั้ง หากมีนโยบายที่ดีก็สามารถร่วมทำงานกับพรรคการเมืองอื่นได้ 2. เป็นพรรคที่มีนโยบายกอบกู้เศรษฐกิจเพื่อสร้างอนาคตประเทศ และ 3. เป็นพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตย เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้เกิดการกระจายอำนาจและงบประมาณ โดยมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน อย่าหวงอำนาจอย่าหวงตำแหน่ง

หลัง นายสมคิด พูดตรงนี้จบ นายอุตตม ได้รับปากกับที่ประชุมว่า ขอรับเงื่อนไขทั้ง 3 ประการดังกล่าว ทำให้นายสมคิดตอบรับที่จะเป็นประธานพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อมกล่าวว่า “ผมสนับสนุนพรรคสร้างอนาคตไทยในทุกบทบาทและทุกรูปแบบ อยากช่วยเหลือแม้อายุมากแล้ว จริงๆ แล้วผมก็อยากจะเลิก แต่ก็เห็นใจน้องๆ การเมืองไม่ใช่ง่ายๆ คนอย่างผมไม่มีใจบันดาลแรง แต่ผมมีแรงบันดาลใจที่จะช่วยเหลือประเทศไทยสร้างอนาคตให้ประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อตัวเอง และผมจะดึงคนที่มีความรู้ความสามารถ มาช่วยทำงานให้บ้านเมือง โดยไม่สนใจเรื่องการเมือง เราจะรอไปอีกไม่ได้แล้ว” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวต่อว่า การที่จะประสบความสำเร็จ อย่าแสวงหาอำนาจ ต้องแสวงหาคน อย่ามาบอก ส.ส. 7 คนได้รัฐมนตรี 1 ที่นั่ง ตนไม่ฟัง ถ้ามี ส.ส.คนไหนในพรรคที่เดินออกนอกลู่นอกทาง พร้อมทรยศอุดมการณ์ พร้อมขอนายอุตตมใช้มติกรรมการบริหารพรรคไล่เขาไป เราต้องเป็นพรรคของประชาชนที่แท้จริง ต้องทำให้ดีที่สุด และเราต้องไม่มีศัตรู ต้องมีมิตร เราไม่ได้เก่งคนเดียว คนอื่นเขาก็เก่งเหมือนกัน คนไทยรอไม่ได้ มันถึงจุดนี้ถ้ารอต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง มิเช่นนั้นลูกหลานคงไปอยู่เมืองนอก

“ผมมาที่นี่ อย่าพูดไปเรื่อยๆ ว่าจะให้ผมเป็นนายกฯ เพราะการเป็นนายกฯฟ้าลิขิตครับ แต่ผมพร้อมที่จะเป็นผู้นำให้พวกคุณ ฉะนั้น ถ้าหากว่ายอมรับสิ่งเหล่านี้ได้ ผมพร้อมจะเป็นประธานพรรคให้ท่าน รับหรือไม่รับ” ทำให้นายอุตตม นำสมาชิกลุกขึ้นตะโกนว่า “รับๆ” พร้อมตะโกนว่า “สมคิดๆ” ลั่นห้องประชุม


กำลังโหลดความคิดเห็น