xs
xsm
sm
md
lg

ศาล รธน.สอบเอกสารรั่วจุดไหน เสียใจกระทบผู้ให้ความเห็น ยันเป็นกลางปม 8 ปี ไม่มีใครรู้ลงมติอย่างไร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เลขาฯ ศาล รธน.ยันพิจารณาวาระ 8 ปี “บิ๊กตู่” พรุ่งนี้ เป็นเรื่องปกติ ไม่มีลัดขั้นตอน ยังไม่วินิจฉัยแค่ดูพยานหลักฐานหากครบนัดวินิจฉัยไม่น้อยกว่า 7 วัน ปัดตอบเอกสาร “มีชัย” หลุดจริงหรือไม่ แต่สั่งสอบรั่วจุดไหน เผย ปธ.ศาล เสียใจ-กังวล เหตุกระทบผู้ให้ความเห็น-คู่กรณี ยัน 9 ตุลาการ เป็นกลาง อิสระ ไม่มีใครรู้ใครลงมติอย่างไร

วันนี้ (7 ก.ย.) นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงข่าวถึงกรณีที่ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดพิเศษ เพื่อกำหนดแนวทางพิจารณากรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่หรือไม่ นายเชาวนะ กล่าวว่า นับตั้งแต่ศาลได้มีการรับคำร้องกรณีนี้เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 65 ศาลฯได้ดำเนินกระบวนพิจารณามาเป็นลำดับเป็นกระบวนการปกติ การที่ศาลนัดประชุมในวันที่พรุ่งนี้ (8 ก.ย.) ไม่ได้เป็นการเร่งเวลา หรือทำให้ช้าลง ยืนยันว่า เป็นไปตามขั้นตอนปกติ แม้คดีนี้ศาลให้ความสำคัญ แต่ก็ดำเนินกระบวนพิจารณาตามปกติ ไม่ได้มีการลัดขั้นตอนแต่อย่างใด

“ที่มีข่าวว่าศาลฯจะประชุมพรุ่งนี้แล้วจะมีการลงมติ โดยมีการระบุว่ามีเสียงข้างมากข้างน้อยเท่านั้นเท่านี้ เรียนว่า ขั้นตอนขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น พรุ่งนี้เป็นเพียงการนำพยานหลักฐานที่ศาลได้รับมาพิจารณาว่าเพียงพอที่จะวินิจฉัยหรือไม่ ถ้าไม่พอจะต้องแสวงหาเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งตามวิธีที่กฎหมายกำหนดทำได้เช่น การให้บุคคลหรือหน่วยงานของรัฐชี้แจงก็ได้ หรือจะดำเนินกระบวนชนการไต่สวนก็ได้ ฉะนั้นที่มีข่าวทำนองว่าหลังจากการพิจารณาในวันพรุ่งนี้แล้ว ก็มีการนัดอ่านคำวินิจฉัยในอีก 15 วัน และมีข่าวว่าผลของการพิจารณาจะออกมาเป็นกี่เสียง ยืนยันว่ายังไม่มีเงื่อนไขของการกำหนดวัน และยังไม่ถึงขั้นลงมติ”

นายเชาวนะ ยังกล่าวถึงกรณีหนังสือคำชร้แจงของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ หลุดในโลกโซเชียล โดยไม่ยืนยันว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ แต่ระบุว่า ประธานศาลรัฐธรรมนูญให้ความสำคัญ และกังวลใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเนื้อหากระทบผู้ให้ความเห็นและพาดพิงไปถึงคู่ความจึงให้สำนักงานฯ ติดตามว่าเอกสารมีที่มีที่ไปเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาเมื่อมีเอกสารรั่วไหลในชั้นธุรการ ก็จะกำชับให้พึงระมัดระวัง แต่เมื่อมีการรั่วไหลอีก ก็ต้องเพิ่มความรัดกุมให้มากขึ้น ทั้งนี้ในทางปฏิบัติจะพิจารณาว่ามาตรการของเรามีข้อบกพร่องเช่นไร เพื่อให้เกิดความมั่นใจในกระบวนการพิจารณา ยืนยันว่าประธานไม่ได้นิ่งนอนใจ ท่านห่วงใย และรู้สึกเสียใจ จึงให้สำนักงานฯระมัดระวัง และดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งจะเอาผิดใครได้หรือไม่จะต้องรอดูผลการตรวจสอบก่อน ส่วนที่ขณะนี้เอกสารชี้แจงของนายกรัฐมนตรีหลุดในโซเชียลอีก ทางสำนักงานยังไม่ทราบ แต่จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะควบคุม เมื่อมีเหตุก็จะต้องเพิ่มมาตรการ เพราะท่านประธานห่วงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก ส่วนตัวท่านไม่ได้หวั่นไหว และยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้เข้มแข็ง มั่นคง

เมื่อถามว่า หากคณะตุลาการเห็นว่าข้อเท็จจริงมีความเพียงพอให้วินิจฉัยแล้ว ตามข้อกฎหมายจะต้องมีการนัดวันวินิจฉัยภายในกี่วัน นายเชาวนะ กล่าวว่า ตามกฎหมายกำหนดไว้ในบางคดีบางเรื่องเช่น คดีที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ ร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะกำหนดเฉพาะเจาะจงว่าจะวินิจฉัยภายใน 15 วัน 30 วัน แต่คำร้องลักษณะนี้ กฎหมายไม่ได้กำหนด ขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะพิจารณา ซึ่งการที่ศาลจะกำหนดวันวินิจฉัย ข้อกฎหมายได้กำหนดไว้เพียงอย่างเดียวคือ เมื่อศาลเห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอต่อการพิจารณา และให้ความยุติธรรม ก็จะกำหนดประเด็นวินิจฉัย และจะนัดอ่านความเห็นของตุลาการแต่ละท่าน และนัดอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง ซึ่งปกติคำร้องที่มีคู่กรณี ศาลจะลงมติช่วงเช้า อ่านช่วงบ่าย ส่วนการนัดอ่านถ้าไม่ได้เป็นเรื่องที่มีการไต่สวนก็จะนัดวินิจฉัยหลังพยานหลักฐานครบถ้วนแล้วไม่น้อยกว่า 7 วัน แต่ถ้าอยู่ระหว่างการไต่สวนและเห็นว่าคดีมีข้อมูลเพียงต่อการวินิจฉัย ก็จะนัดคู่กรณีฟังคำวินิจฉัย ซึ่งคดีนี้ยังไม่ได้มีการไต่สวน ฉะนั้นจะอยู่ในกรอบนัดวินิจฉัยไม่น้อยกว่า 7 วัน หลังจากศาลเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอวินิจฉัย

นายเชาวนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนความเห็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งศาลก็รับฟัง แต่ไม่ได้เอามาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ศาลจะยึดสำนวนคดีเป็นหลัก ตุลาการทั้ง 9 คนล้วนเป็นอิสระ ไม่มีใครรู้ว่าใครจะวินิจฉัยอย่างไร และขณะนี้ยังไม่ได้เป็นที่ยุติว่าพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ การที่บอกว่าศาลจะวินิจฉัยอย่างนั้นอย่างนี้ จึงเป็นการด่วนสรุปที่เร็วเกินไป


กำลังโหลดความคิดเห็น