xs
xsm
sm
md
lg

‘นิติพล’ อภิปรายร่างแก้ไข รธน.60 ย้ำ ต้องให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้(7 ก.ย.)นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อสัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างแก้ไข รธน.60 มาตรา 43 ว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวของกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง มาตรา 43 กำหนดให้บุคคลและชุมชนมีสิทธิในการจัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุล และยั่งยืนตามวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ สิ่งที่ตราไว้ดูดีในเนื้อหา แต่เอาจริงยังไม่เห็นชาวบ้านได้ประโยชน์หรือมีสิทธิในการนำทรัพยากรสิ่งแวดล้อมไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับพวกเขาเลย โดยสาเหตุที่ไม่สามารถทำได้ก็เพราะยังไม่มีการกระจายอำนาจให้ชุมชนมีสิทธิตรงนี้ได้อย่างแท้จริง

“โครงการทั้งหลายล้วนคิดและสั่งการจากส่วนกลาง ถามว่าถ้าประชาชนในชุมชนได้ประโยชน์ และนโยบายที่นำไปใช้เอื้อกับชีวิตความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันจริงๆ เราคงไม่เห็นพี่น้องจะนะขึ้นมาปักหลักเรียกร้องปกป้องบ้านเกิดของเขา แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือการที่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศไทยต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ทั้งเพื่อรักษาฐานทรัพยากรของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ต้องปากกัดตีนถีบทำมาหากินเลี้ยงปากท้องให้ได้ท่ามกลางเศรษฐกิจแบบนี้”

นายนิติพล อภิปรายต่อไปว่า ยกตัวอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จังหวัดจันทบุรี ชาวบ้านยังคงต้องรวมตัวสู้เพื่อบอกว่าไม่เอาเหมืองทอง เพราะเขามีหมอนทองที่สร้างความมั่นคงให้ครอบครัวได้ดีอยู่แล้ว แต่ทุกวันวันนี้ยังต้องเดือดร้อนต่อสู้หมอนทองก็ต้องดู เหมืองทองก็ต้องคอยกัน แล้วแบบนี้ชาวบ้านจะลืมตาอ้าปากได้อย่างไร ทางภาคเหนือ หมู่บ้านกะเบอะดิน อ.อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ สภาพป่าไม้อุดมสมบูรณ์ แต่จะเอาเหมืองถ่านหินไปสร้างปัญหาให้พี่น้องประชาชนที่นั่น ทำให้เขาต้องกังวลว่าจะต้องดมฝุ่นทุกวัน 365 วันต่อปี ไปตลอดชีวิตหรือไม่ แล้วแบบนี้จะไม่เกิดการต่อสู้จากพื้นที่ได้อย่างไร ไปที่ทะเลก็อ้างการกัดเซาะชายฝั่ง ทั้งที่เป็นเรื่องธรรมชาติของหาดทรายหากจะหดหายไปบ้างในหน้ามรสุม พอหมดมรสุมทรายก็กลับมา แต่กลับจะตะบี้ตะบันทำกำแพงกันคลื่นนี้ หาดทรายก็หายไปถาวรโดยที่ประชาชนตรงนั้นแทบไม่มีสิทธิจะเลือกว่าเขาจะเอาหาดทรายหรือจะเอากำแพงกันคลื่นที่มีแต่จะทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น

“ตั้งแต่พี่น้องจะนะ ที่ต้องมาตากแดดตากฝนที่กรุงเทพ พี่น้องบ้านกะเบอะดินบนดอย เชียงใหม่ ไปถึงชาวสวนทุเรียนจันทบุรี ที่โดนกระทำแบบนี้ ถามว่าสิทธิตามกฎหมายในการหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติของตัวเองที่อยู่ในรัฐธรรมนูญอยู่ที่ไหน ร้ายที่สุดไปถึงกำแพงกันคลื่นของพี่น้องภาคใต้ ไม่ต้องทำ EIA กันเลย แล้วแบบนี้หาดทรายมันจะไม่หายไปได้อย่างไร”

นายนิติพล สรุปทิ้งท้ายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า การจัดสรรทรัพยากรสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ไม่เคยฟังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทั้งที่นั่นคือวิถีชีวิตของเขา การไม่มีสิทธิในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของตัวเองได้ก็ว่าแย่แล้ว แต่ยังต้องไปเจอผลกระทบจากภาวะวิกฤตในระดับโลกด้วย นั่นก็คือภาวะโลกร้อน แต่เมื่อนานาชาติพยายามหาโครงการหรือมาตรการคลี่คลายออกมา แต่ก็กลับถูกช่วงชิงไปให้อยู่ในมือนายทุน หนึ่งในนั้นก็คือ กลไกการใช้ประโยชน์จาก ‘คาร์บอนเครดิต’ ที่ทำให้เกิดสภาพที่สิทธิของชาวบ้านกับนายทุนในเรื่องนี้ไม่เท่ากัน

“การเข้าถึงการซื้อขายคาร์บอนเครดิตตอกย้ำว่า ถ้าเป็นชาวบ้านจะมีการบังคับใช้กฎระเบียบแบบเข้มข้น ยังไม่ต้องลงรายละเอียดของ CBAM, VERRA, T-VER หรือ Gold Standard แค่สิทธิที่จะได้เข้าไปลงทะเบียนเปิดบัญชีเพื่อเริ่มซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้ก็ไม่เท่ากันแล้ว ไม่เคยบอกให้ประชาชนรู้ว่าต้องทำอย่างไร ต่อมา ก็เอาหลักเกณฑ์เรื่องเอกสารสิทธิของที่ดินมาเป็นกำแพง พูดง่ายๆคือ ใครไม่มีโฉนดอย่าหวังจะมาเปิดบัญชีในตลาดไทยได้ แต่ขอโทษ พูดกันให้ชัดๆก็จะรู้ว่า โฉนดที่ดิน 80% ในประเทศนี้อยู่กับคนรวยสุดที่ 5% ในประเทศนี้ ดังนั้น กลับไปลองนับนิ้วดู 5% มีใครได้ประโยชน์บ้างก็คงหาไม่ยาก แต่แน่นอนว่าในนั้นคงไม่มีพี่น้องชาติพันธุ์บนดอยแน่นอน แค่จะไปเปิดบัญชีซื้อขายคาร์บอนเครดิตตันละแค่ 120 บาท ในไทยยังโดนกีดกันขนาดนี้ แต่มีแย่กว่าคือ เมื่อมีความต้องการจากประเทศอื่นจะเข้ามาขอซื้อ แทนที่ประชาชนจะได้ประโยชน์จากการซื้อขายได้เอง คนถือกฎหมายกลับรีบกระโดดขวาง บอกทำไม่ได้ วางเงื่อนไขต่างๆนานาให้ยากเข้าไว้ จนประชาชนเสียสิทธิ เสียโอกาสในการเข้าถึงการซื้อขายในตลาดโลกทั้งที่ราคาซื้อขายแพงกว่าราคาในไทยหลายเท่าตัว”

นายนิติพล ยังเปิดเผยว่า ปัจจุบัน คนรวย 5% ที่กล่าวถึงนั้น ได้เข้าไปลุยในตลาดคาร์บอนเครดิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ประชาชนบ้านที่อยู่กับป่า อยู่กับธรรมชาติ ที่ช่วยดูแลให้ป่าไม้ ดูแลทะเล ให้มีความสมดุล อุดมสมบูรณ์ กลับถูกเตะตกขบวน ดังนั้น จึงเวลาแล้วที่จะต้องหยุดกระบวนการกินรวบแบบนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ท้องถิ่น กระจายอำนาจลงมา แล้วคืนสิทธิและเสรีภาพในการจัดสรรทรัพยากรสิ่งแวดล้อมของประชาชน เพราะนี่คือกระดุมเม็ดแรกในการสร้างสังคมประชาธิปไตย
กำลังโหลดความคิดเห็น