xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลเตรียมเป็นเจ้าภาพประชุม รมต.เอเปกด้านสตรีฯ 7 ก.ย.เสริมพลังสตรีร่วมขับเคลื่อน ศก.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รองโฆษกรัฐบาล เผย 7 ก.ย.นี้ รัฐบาลเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีเอเปกด้านสตรีและเศรษฐกิจ ส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ เสริมพลังสตรีร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
วันนี้ (6 ก.ย.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีเอเปกด้านสตรีและเศรษฐกิจประจำปี พ.ศ. 2565 (Ministerial APEC Women and Economy Forum (WEF) Statement 2022) และร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี พ.ศ. 2565 (WEF Chair's Statement 2022) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในรูปแบบ Hybrid วันที่ 7 กันยายน 2565 ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ

ร่างแถลงการณ์ทั้ง 2 ฉบับนี้ มีสาระสำคัญในลักษณะเดียวกัน กล่าวคือ 1. ผลักดันความเสมอภาคระหว่างเพศ การเสริมพลังสตรี และระบบเศรษฐกิจที่มีความครอบคลุม ยั่งยืน 2. ผลักดันการฟื้นฟูอย่างครอบคลุมสมดุล และเท่าเทียมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  3. เน้นย้ำความมุ่งมั่นในการเร่งดำเนินการตามแผนลาเซเรนาเพื่อสตรี และการเจริญเติบโตที่ครอบคลุม 4. ให้ความสำคัญกับปัญหาอุปสรรคที่ขัดขวางการมีส่วนร่วมและความเท่าเทียมของสตรีในทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 5. มุ่งมั่นในการป้องกันและขจัดความรุนแรงทางเพศทุกรูปแบบ 6. เสริมพลังทางเศรษฐกิจของสตรีผ่านระบบเศรษฐกิจ BCG และ 7. ให้ความสำคัญกับมาตรการ ในการทำงานที่มีความยืดหยุ่น

พร้อมกันนี้ ครม.เห็นชอบรับรองเอกสารชุดเครื่องมือการกำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติในการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสตรีวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSME) ในระดับชาติ (Strengthening Women's Entrepreneurship in National MSME Policies and Action Plans Toolkit for Policymakers) ซึ่งจะมีการรับรองเอกสารดังกล่าวระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ระหว่างวันที่ 5-11 กันยายน 2565 ณ จังหวัดภูเก็ต เอกสารชุดเครื่องมือนี้ ประกอบด้วย ชุดเครื่องมือการประเมินตนเอง (Self-assessment Tool) เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบใช้ประเมินก่อนการดำเนินงานว่า ปัจจัยด้านความเท่าเทียมทางเพศได้ถูกรวบรวมไว้ในนโยบายหลักของการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ MSME หรือไม่ เพื่อนำไปใช้กำหนดนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป โดยมีเนื้อหารวม 5 บท ได้แก่

บทที่ 1 เกี่ยวกับกรอบดำเนินงานของชุดเครื่องมือกำหนดนโยบาย โดยให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศที่เพิ่มพลังทางเศรษฐกิจของสตรี

บทที่ 2 กล่าวถึงการวางบริบทผู้ประกอบการสตรีในภูมิภาคอาเซียน โดยเน้นจุดยืนของประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN Member States - AMS) เป็นพิเศษ ซึ่งครอบคลุมมิติทางกฎหมาย เศรษฐกิจ และความท้าทายที่สตรีต้องเผชิญ

บทที่ 3 กล่าวถึงภาพรวมโดยสังเขป เกี่ยวกับนโยบายและโครงสร้าง MSME ในแต่ละประเทศในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งวิเคราะห์นโยบายและกฎหมาย ที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการเป็นผู้ประกอบการสตรี และความท้าทายที่ผู้ประกอบการสตรีต้องเผชิญ

บทที่ 4 นำเสนอองค์ประกอบที่สำคัญของนโยบายที่ริเริ่มการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการสตรี เป็นการยกตัวอย่างและกรณีศึกษาที่สะท้อนประสบการณ์ด้านนโยบายระดับโลก และ ระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการของสตรี

บทที่ 5 นำเสนอกรอบการประเมินตนเอง และเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้กำหนดนโยบาย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ MSME เข้าใจระบบนิเวศของผู้ประกอบการสตรีในประเทศของตนเองได้ดีขึ้น โดยมีการจัดทำบัตรคะแนน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพื้นฐาน และมีกลไกในการติดตามความคืบหน้าในอนาคต

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า ทั้งหมดนี้ เป็นการยืนยันว่าประเทศสมาชิกเอเปกตั้งเป้าส่งเสริมสตรีให้มีบทบาททางเศรษกิจมากขึ้น โดยร่วมกันกำหนดแนวทางที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่ความเสมอภาคและความเท่าเทียมระหว่างเพศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม


กำลังโหลดความคิดเห็น