xs
xsm
sm
md
lg

"รสนา" แนะ "สุมาอี้ป้อม" ใช้ใจบันดาลแรงแก้ปชช.ถูกเอาเปรียบพลังงาน หนทางได้แรงใจเลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อดีตส.ว.กทม. ตั้งคำถาม "ใจบันดาลแรง" วลีเด็ด "ประวิตร" ใช้แรงเพื่ออะไร หลังกลายเป็นสุมาอี้เมื่อนั่งรักษาการนายกฯ ฟิตปั๋งเดินกระฉับกระเฉง สงสัยเป็นแรงอุ้มกลุ่มทุนพลังงานหรือช่วยปชช.ถูกเอาเปรียบ จี้ฐานะปธ.กพช.หวังเห็นจัดการความไม่เป็นธรรม ชี้หนทางเดียวที่จะได้แรงใจในการเลือกตั้ง

วันนี้ (4ก.ย.) นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว.กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงวลีที่เป็นกระแสของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และดำรงตำแหน่งรักษาการนายกฯ ในหัวข้อ “ใจบันดาลแรง”ของลุงป้อมจะใช้แรงเพื่ออะไร!?

สื่อมวลชนตกตะลึงเมื่อเห็นลุงป้อม พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินปร๋อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยถูกมองว่าเป็นคนปวกเปียก เดินเองยังไม่ไหว จะพาบ้านเมืองไปรอดละหรือ ถามอะไรท่านก็ “ไม่รู้ ไม่รู้” ท่าเดียว แต่พอหลังวันที่24 สิงหาคม ที่พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี พลันพล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณก็กลายสภาพเป็นสุมาอี้ เดินเหินกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที พร้อมกล่าววาทะแห่งปีว่า “ใจบันดาลแรง”

ใคร่ถามต่อว่า“ใจบันดาลแรง” ของลุงป้อมนั้น เป็นแรงไว้เพื่อทำอะไร !?

ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ท่านย่อมเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช. ) ซึ่งมีอำนาจเทียบได้กับครม.ชุดเล็ก เลยทีเดียว สงสัยว่า”ใจบันดาลแรง”ของลุงป้อมจะเป็นแรงอุ้มกลุ่มทุนพลังงานต่อไป หรือจะเป็นแรงผดุงธรรม มาช่วยดึงประชาชนออกจากหุบเหวแห่งการถูกเอารัดเอาเปรียบล้วงกระเป๋ากันแน่!?

หาก”ใจบันดาลแรง”ของท่านพล.อ ประวิตรในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีจะมาแก้ไขเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานที่เป็นผลกระทบจากราคาพลังงานสูงเกินจริง ส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชน ส่งผลต่อเงินเฟ้อผสมเงินฝืดในประเทศ ประชาชนก็หวังจะเห็น “ใจบันดาลแรง” ของลุงป้อมเป็นแรงมาช่วยจัดการความไม่เป็นธรรมในราคาพลังงานที่กดทับหลังไหล่ของประชาชนมานานแสนนาน

ในฐานะประธานกพช.ท่านพล.อ ประวิตรสามารถกำหนดกติการาคาพลังงานทั้งก๊าซและน้ำมันที่เป็นธรรมให้ประชาชนได้

1)ประธาน กพช.สามารถใช้แรงบัญชาให้ยกเลิกสูตรนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ เปลี่ยนมาใช้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นในประเทศ ด้วยราคาส่งออกน้ำมันของโรงกลั่น +10สต./ลิตร (ประชาชนยินดี Top up เพิ่มราคาขายน้ำมันให้สูงกว่าที่ส่งออก 10สต./ลิตร)

ประธานกพช.บัญชาให้กำกับกติกาค่าการตลาดที่เหมาะสมของแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ที่ราคา 1.85 บาท/ลิตร ดีเซล 1.40 บาท/ลิตรอย่างเคร่งครัด ไม่ให้เอาเปรียบประชาชน

2)ประธานกพช.สามารถใช้แรงบัญชาให้เปลี่ยนกติกาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและในประเทศว่าต้องจัดสรรให้ประชาชนได้ใช้ก่อนทั้งก๊าซหุงต้มและก๊าซในโรงไฟฟ้า ขอให้ยกเลิกกติกาอ้างราคานำเข้าก๊าซหุงต้ม (LPG)จากซาอุดิ
อารเบีย กลับไปใช้สูตรควบคุมราคาก๊าซหุงต้มในประเทศที่ 333 เหรียญ/ตัน+10 เหรียญ/ตัน เป็นราคาก๊าซหุงต้มสำหรับประชาชนในประเทศก่อนภาษีและค่าการตลาด

ธุรกิจปิโตรเคมีที่ต้องการใช้ก๊าซในประเทศต้องใช้ในราคาPool Gas ที่เฉลี่ยราคาก๊าซรวม3แหล่ง จากก๊าซในประเทศ ก๊าซจากพม่า และ ก๊าซ LNG

ปัจจุบันธุรกิจปิโตรเคมีใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศด้วยราคาในประเทศ ไม่ใช่ราคาเฉลี่ยรวมของ Pool Gas

การให้ธุรกิจปิโตรเคมีใช้ราคาเฉลี่ยPool Gas จะสามารถประหยัดเงินค่า Ft ต่อปี ได้กว่า 40,000 ล้านบาท ใช้เวลาเพียง 2 ปี ก็สามารถใช้หนี้ กฟผ. ได้โดยที่ไม่กระทบต่อค่าไฟประชาชนเลย

3)ประธาน กพช.สามารถใช้แรงสั่งการให้มีการเจรจากับโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟที่รัฐต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่ายให้ถึง 25% ให้ลดการประกันกำไรนี้ลงไปให้มากที่สุด เพื่อลดภาระค่าไฟบนบ่าประชาชนได้อีกมาก

ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 6 โรง ที่ยังไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟ แต่ประเทศต้องจ่ายเงินเป็นค่าความพร้อมจ่ายเป็นเงินประมาณ 7,000ล้านบาทในช่วง4เดือน (พค.-สค.2565) ในเวลาหนึ่งปีประชาชนต้องจ่ายเงินให้โรงไฟฟ้าเหล่านี้ไม่ต่ำกว่า 21,000 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟ ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มสูงขึ้นโดยไม่เป็นธรรม

ท่านประธาน กพช.จึงควรยกเลิกกติกาประกันกำไรให้โรงไฟฟ้าเอกชนที่ทำสัญญาแล้ว แต่ยังไม่ได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้า และยุติการประกันกำไรให้โรงไฟฟ้าในการทำสัญญาซื้อไฟในอนาคตด้วย

4)ประธานกพช.สามารถใช้แรงสั่งแก้ไขแผนพัฒนาพลังงาน( PDP )ให้ยุติการเซ็นสัญญาซื้อไฟจากโรงไฟฟ้าเอกชน และต่างประเทศเมื่อมีไฟสำรองในประเทศเกิน 15-20% เนื่องจากปัจจุบันมีไฟฟ้าสำรองถึง 54% ซึ่งเกินการสำรองมาตรฐานถึงเกือบ40% แล้ว ไฟฟ้าที่ล้นเกินเป็นจำนวนมากนี้ เป็นภาระค่าไฟที่ประชาชนต้องต้องควักเนื้อจ่าย แบบเอาเนื้อหนูปะเนื้อช้าง

นอกจากนี้โรงไฟฟ้าที่ยังไม่เข้าระบบควรชะลอออกไปก่อนเนื่องจากปัจจุบันมีการสำรองไฟล้นเกินระบบอยู่แล้ว

หากพล.อ ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ ใช้ “ใจบันดาลแรง” ให้แรงไปแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนคนไทยในเวลานี้ “แรง” ของท่านจึงมีค่าสมควรกับ “ใจ” ที่ทางพุทธศาสนากล่าวว่า “ใจ” เป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน และทุกสิ่งที่ดีงามสามารถถูกบันดาลด้วย “ใจ”เป็นใหญ่ และนี่จะเป็นหนทางเดียวที่พรรคของท่านจะได้
”แรงใจ”จากประชาชนในการเลือกตั้งสมัยหน้า


กำลังโหลดความคิดเห็น