วันนี้ (2 ก.ย.)น.ส.แอนศิริ วลัยกนก ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวถึงการเปิดตัวแอปพลิเคชัน “ภาษีไปไหน” ของรัฐบาล โดยระบุว่า การเปิดเผยการเบิกจ่ายงบประมาณ หรือการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐเป็นสิ่งที่ต้องกระทำตามกฎหมายอยู่แล้ว จะเห็นได้จาก พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 มาตรา 9 ที่ระบุให้ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ซึ่งแผนงาน โครงการและงบประมาณรายจ่ายประจำปี ก็ปรากฏอยู่ใน อนุ 2 ของกฎหมายดังกล่าว ที่หน่วยงานรัฐต้องเปิดเผยให้ประชาชนทราบ ส่วนในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ก็กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐเปิดเผยข้อมูลของการจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่กระบวนการจัดทำแผนจนกระทั่งการบริหารสัญญา และหากไม่ดำเนินการก็จะมีความผิดตามกฎหมาย อีกทั้ง หลักการ Open Data ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เนื่องจากรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลกก็ดำเนินการในเรื่องนี้กันมานานแล้ว เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดหนึ่งในเรื่องความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
“เรื่องการเปิดเผยข้อมูลงบประมาณ การซื้อจ้าง หรือแม้กระทั่งผลการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ เรื่องเป็นที่บังคับให้หน่วยงานรัฐต้องดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว การมีแอปฯภาษีไปไหนจึงไม่ใช่เรื่องใหม่หรือน่าตื่นเต้นอะไร ข้อมูลในแอปฯก็เป็นเรื่องเพื่อการบริหารทั่วไป ซึ่งปกติก็หาได้ตามเว็บไซต์ของหน่วยงานต่าง ๆ อยู่แล้ว หากรัฐบาลตั้งใจจะส่งเสริมการปราบปรามการทุจริตอย่างแท้จริง หรือส่งเสริมธรรมาภิบาลในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยความจริงใจ ท่านควรเปิดเผยข้อมูลสถิติด้วยว่าบริษัทใดประมูลงานของภาครัฐมากที่สุด จำนวนกี่โครงการ เป็นจำนวนเงินเท่าใด มีเครือข่ายโยงใยถึงผู้มีอิทธิพลคนใดบ้าง และมีการทิ้งงาน หรือเกิดคดีฟ้องร้องเรื่องการบริหารสัญญาหรือไม่อย่างไร เพื่อให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบ ก็น่าสนใจและจะได้รู้เสียทีว่า “ภาษีไป(ตระกูล)ไหน?” ” น.ส.แอนศิริ กล่าว