xs
xsm
sm
md
lg

"ใบเตย-ดีเจแมน" นาทีนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่ง ** ดีลการเมือง “กรณ์-สุวัจน์” ผนึกกำลัง ดิ้นหนีตาย !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**"ใบเตย-ดีเจแมน" นาทีนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่ง


แน่ชัดแล้วว่า คดีแชร์ลวงโลก Forex 3D ในส่วนตดีเพิ่มกลุ่มที่มีราบชื่อ "ดีเจแมน" พัฒนพล มินทะขิน กับ น.ส.สุธีวัน กุญชร หรือ “ใบเตย” ภรรยาสาว กำลังจะถูกออก "หมายเรียก" ตามขั้นตอนของการสอบสวน

“ดีเจแมนและใบเตย” สองสามีภรรยาคนบันเทิงจะงานเข้า หรือพ้นบ่วงกรรม ภายในเวลาไม่ช้าไม่นานนี้ ก็คงจะมีคำตอบ โดย “ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์” เลขานุการ รมว.ยุติธรรม บอกว่า วันที่ 7 ก.ย.นี้ จะประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อหาข้อสรุปว่ามีบุคคลใดที่จะต้องถูกดำเนินคดีบ้าง และหลังวันที่ 10 ก.ย.จะทยอยออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง 16 คน มารับทราบข้อกล่าวหาซึ่งก็รวม “ดีเจแมนและใบเตย”ด้วย

ดีเจแมน -ใบเตย
ส่วนจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่นั้น ต้องรอดูพยานหลักฐานที่จะมีการสรุปในวันที่ 7 ก.ย.นี้ ว่าเพียงพอต่อการแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ และหากพยานหลักฐานโยงถึงใครก็จะต้องจับกุมดำเนินคดี ทั้งนี้ หากทั้งคู่ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ขอให้มาสู้คดีไปตามกระบวนการกฎหมายต่อไป

อย่างที่รู้ๆ กันว่า ตลอดช่วงที่คดีนี้ถูกเปิดเผบออกมา ทั้ง “ดีเจแมนและใบเตย” ถูกจับตามองมาต่อเนื่อง เพราะสนิทสนมกับ "อภิรักษ์ โกฎธิ" CEO ของ Forex 3D แต่ทั้งคู่ก็ยืนกรานว่า ไม่มีส่วนไปรับรู้ในการทำธุรกิจลวงโลกของ “อภิรักษ์” ตรงกันข้ามกลับเป็น "ผู้เสียหาย" ที่โดนหลอกให้ลงทุนเช่นเดีบวกีบรายอื่นๆ ต่อเมื่อ CEO ลวงโลกถูกดำเนินคดี และ เครือข่ายโดนทลาย ดาราสาวอย่าง "พิ้งกี้" สาวิกา ไชยเดช ตามหลังเข้าคุก สปอตไลต์ จึงฉายมาที่ ดีเจแมนและใบเตย ทำเอาถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ กับกระแสการเร่งรัดคดีเพื่อเอาผิดกับกลุ่มคนที่มีส่วนเกี่บวข้องกับแชร์ลวงโลก ที่มีผู้เสียหายเป็นวงกว้างมูลค่ากว่า 2พันล้าน ดังกล่าว

อภิรักษ์ โกฎธิ
หลังมีข่าวจะถูกออกหมาบเรียก เมื่อวาน (1ก.ย.) เห็นว่า “ใบเตย” ก็ได้เคลื่อนไหวผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว ด้วยการโพสต์ "ไอจีสตอรี่" ในขณะที่เจ้าตัวได้ไปทำบุญ สักการะไหว้ท้าวเวสสุวรรณ ที่ วัดไผ่เงินโชควนาราม เขตบางคอแหลม กทม. ขณะที่สามี “ดีเจแมน” ก็ได้โพสต์ภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้มาจากการไปทำบุญ ผ่านทางสตอรี่อิสตาแกรมส่วนตัวเช่นเดียวกัน
เรียกว่า นาทีนี้ “ใบเตย-ดีเจแมน” ขอพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจไว้ก่อนละ จะหมู่หรือจ่า นั่นเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นติดตามกันต่อไป



** ดีลการเมือง “กรณ์-สุวัจน์” ผนึกกำลัง ดิ้นหนีตาย !?
ช่วงสายๆ วันนี้ (2 ก.ย.) มีหมายนัดทางการเมือง ระหว่าง “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนา กับ “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคกล้า จะร่วมแถลงข่าว ที่บ้านเลขที่ 333 ซอย ราชวิถี 20 เขตดุสิต กทม.
มีรายงานว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ จะเป็นการเปิดตัวเพื่อทำงานการเมืองร่วมกัน หลังจากแกนนำทั้ง 2 พรรค ได้หารือร่วมกันมาซักระยะหนึ่งแล้ว โดยต่างฝ่ายมองเห็นถึงจุดแข็งของกันและกัน
“พรรคชาติพัฒนา” ของสุวัจน์ นั้นถือว่าเป็นพรรคที่มีรากฐานทางการเมืองมายาวนาน ตั้งแต่เมื่อครั้ง “น้าชาติ” พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี มีประสบการณ์ทางการเมืองเป็นจุดแข็ง มีฐานที่มั่นสำคัญอยู่ที่ จ.นครราชสีมา

กรณ์ จาติกวณิช
ขณะที่ “พรรคกล้า” เป็นพรรคคนรุ่นใหม่ “กรณ์” ถือว่ามีประสบการณ์ทางเศรษฐกิจ ผ่านการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาแล้ว ทั้งแบบที่เป็นรัฐมนตรีเงา และรัฐมนตรีตัวจริง เติบโตในพรรคประชาธิปัตย์ มาจนถึงตำแหน่ง“รองหัวหน้าพรรค” ก่อนจะผันตัวออกมาตั้ง “พรรคกล้า”

ก่อนหน้านี้ ช่วงที่มีการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ภาคใต้ “พรรคกล้า” ก็ส่งตัวแทนลงสมัครเป็นการชิมลาง ซึ่งก็มีเสียงตอบรับพอสมควร

การเลือกตั้งซ่อมในกรุงเทพฯ ที่เขตจตุจักร-หลักสี่ แทน “สิระ เจนจาคะ” ซึ่งความจริงแล้วควรจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างตัวแทนฝ่ายค้านคือ พรรคเพื่อไทย กับตัวแทนฝ่ายรัฐบาลคือ พลังประชารัฐ

แต่พรรคกล้า ก็ยังยืนยันที่จะส่ง “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” เลขาธิการพรรคลงสู้ศึก หวังจะมี ส.ส.คนแรกของพรรค ... ปรากฏว่า สู้ได้แบบได้ลุ้น แต่ไม่ได้เป็นส.ส.

การลงสนามของเลขาธิการพรรคครั้งนี้ คนวงในบอกว่าได้ไม่คุ้มเสีย พรรคหมดทรัพยากรไปมากโข และหลังจากนั้นมา กระแสความเคลื่อนไหวของพรรคกล้าก็เริ่มแผ่วลง บางคนถึงกับยกคำพังเพยมาเปรียบเปรยว่า นี่แหละ “กล้านักมักบิ่น”

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ล่าสุด เมื่อใกล้เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ก็มีข่าวว่าผู้ร่วมก่อตั้งพรรคในยุคเริ่มแรกได้แยกตัวออกไปอยู่กับ “พรรคสร้างอนาคตไทย” ที่มี “อุตตม สาวนายน” และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เป็นแกนนำพรรค กันแบบยกพวง
ว่ากันว่าเหล่านี้คือ “ความจำเป็น” ที่ทำให้ “กรณ์” ต้องเคลื่อนไหวหาพันธมิตรทางการเมือง
ส่วน “สุวัจน์” นั้นเริ่มเข้าสู่การเมืองตั้งแต่ปี 2531 ต่อมาในปี2533 ก็ได้เป็น รมช.คมนาคม ในรัฐบาลของ “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน” นายกรัฐมนตรี ที่มีจุดขายทางด้านเศรษฐกิจ คือนโยบาย “แปรสนามรบ เป็นสนามการค้า”
หลังจากนั้น “สุวัจน์” ก็พาพรรคของตนเองเข้าร่วมรัฐบาลได้แทบทุกยุค และเป็นรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง เคยแม้กระทั่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง

เมื่อเวลาเปลี่ยน การเมืองเปลี่ยน จ.นครราชสีมาที่เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ของ “สุวัจน์” ก็เริ่มถูกพรรคการเมืองอื่นเข้ามาเบียดแซะ ชิงพื้นที่ไปจนแทบไม่เหลือ นโยบายเศรษฐกิจ “แปรสนามรบเป็นสนามการค้า” ก็ขายไม่ได้แล้วในยุคนี้
ล่าสุด “สุวัจน์” กับน้องชาย คือ “เทวัญ ลิปตพัลลภ”ผู้เป็นหัวหน้าพรรค จึงต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ยังมีชื่ออยู่ในสารบบการเมือง
นี่จึงน่าจะเป็นเหตุผลของ “ดีลการเมือง” ระหว่าง “กรณ์-สุวัจน์” ที่จะมีขึ้นในวันนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น