“สมาคมผู้บริหารการศึกษา” ร้อง 2 กมธ.การศึกษา จี้ทบทวน พ.ร.บ.การศึกษา มาตรา 41-มาตรา 42 ขอมีอิสระในการทำงาน แนะรับฟังข้อเสนอจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้าน “ปรีดา” ปลุกคนเข้าสภา ลั่นถ้าไม่พัฒนาคนก็พัฒนาชาติไม่ได้
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 ก.ย. ที่บริเวณถนนทหาร ด้านหน้าอาคารรัฐสภา ฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี ตัวแทนสมาคมผู้บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐาน (แห่งประเทศไทย) เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ... และ นายสุรวาท ทองบุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะที่ปรึกษา กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ทบทวนการลงมติในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ... มาตรา 41 และ มาตรา 42 นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมสังเกตการณ์ อาทิ นายปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน เป็นต้น
ทั้งนี้ สำหรับคำแถลงการณ์ของสมาคมฯ ระบุว่า 1. ให้ฝ่ายบริหารหยุดแทรกแซงกระบวนการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติให้มีอิสระในการใช้ดุลพินิจที่ชอบในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ 2. ให้ กมธ.พิจารณาด้วยความรอบคอบ ไม่เร่งรีบจนเกินไป ให้รับฟังและนำข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้เสียในฐานะผู้ที่จะนำร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้สู่การปฏิบัติ ไปแก้ไขให้เป็นร่าง พ.ร.บ.ที่สมบูรณ์ที่สุด และที่ทุกคนยอมรับ 3. ให้ทบทวนกฎหมายที่ลิดรอน สถานะสิทธิประโยชน์ ขั้นพื้นฐานและไม่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสังกัดกระทรวงเดียวกัน 4. ในการจัดโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการต้องไม่เป็นระบบ Single command เพื่อไม่ให้มีแรงกดทับ การมีอิสระทางความคิดของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และ 5. ถ้าหาก กมธ.หรือสมาชิกรัฐสภา ยังมีแนวคิดที่จะคงร่างเดิมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไว้ทั้งหมด โดยไม่รับฟังเหตุและผลของผู้มีส่วนได้เสีย องค์กรครูทั่วประเทศ ไม่อาจไว้วางใจ กมธ. และสมาชิกรัฐสภา ที่ไม่มีอิสระทางความคิด ก็ไม่สมควรที่จะรับผิดชอบพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ต่อไป
ด้าน นายปรีดา กล่าวว่า ในวันนี้ (1 ก.ย.) ตนมาด้วยหัวใจ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลไม่ต้องการให้เรามีสวัสดิการอะไรเลย ทำให้เราเดือดร้อน และในฐานะที่ตนเคยเป็นครูมาก่อน ซึ่งวิธีที่จะสำเร็จคือเราต้องร่วมมือกันผลักดันให้ได้มากที่สุด วันหนึ่งเราอาจพบกันที่สนามศุภชลาศัยสัก 5 หมื่นคน ให้รัฐบาลได้รู้ว่าความเดือดร้อนของครูและการศึกษามีอะไรบ้าง เราต้องการพัฒนาคนเพื่อมาพัฒนาชาติ ในขณะเดียวกัน ถ้าเขาไม่พัฒนาคนเขาจะพัฒนาชาติได้อย่างไร ฉะนั้น กระบวนการระหว่างสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา ต้องเป็นแนวทางเดียวกัน การแก้ปัญหาจึงจะสำเร็จ เราใช้เวลาปฏิรูปการศึกษามานาน และมาถึงวันนี้การศึกษาจะล้มเหลวไปเรื่อยๆ โดยวันนี้ตนในฐานะ ส.ส. มีเพียงหนึ่งเดียว ในนามของพรรคครูไทยเพื่อประชาชน แต่เลือกตั้งครั้งหน้าของให้เข้ามากันเยอะๆ มาเป็น ส.ส.ให้มากที่สุด มากำหนดชะตาของประเทศให้ได้ การเมืองเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาประเทศได้ ถ้าเราหนีการเมืองเมื่อไหร่เราจะแก้การเมืองไม่ได้เลย
ขณะที่ นายตวง กล่าวว่า ทั้งรัฐมนตรี รองนายกฯ หรือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่เคยติดต่อกัน สิ่งที่ทำทั้งหมดทำด้วยจิตวิญญาณ ครูหลายคนทราบว่าเราสู้ให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคลมาก่อนปี 2542 ซึ่งทำไม่ได้ แต่ในวันนี้สามารถทำได้แล้ว หากไม่เกิดการยุบสภาก่อน ส่วนในเรื่องของมาตรา 41 เราตระหนักดีว่าจะต้องเขียนกฎหมายเพื่อให้คนที่เป็นพลังสำคัญในการศึกษาของชาติได้อยู่ในกฎหมาย หากไม่ปรากฏในกฎหมายแม่ก็จะเกิดปัญหาในอนาคต ตนน้อมรับที่ท่านหลายเสนอมานำไปทบทวนในรอบที่ 2 แต่จะได้คะแนนเท่าไรก็ต้องติดตามต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการยื่นหนังสือ สมาคมฯ ได้ทำกิจกรรมยืนไว้อาลัย 1 นาที และมีการวางดอกไม้จันทน์ไว้ข้างป้ายของอาคารรัฐสภา ที่มีการเขียนข้อความว่า “ขอไว้อาลัยแด่… ความกล้าหาญทางจริยธรรมของกมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษา พ.ศ…” โดยผู้ที่มาร่วมยื่นหนังสือมีประมาณกว่า 1,000 คน ทั้งหมดได้มีการสวมชุดสีดำ นอกจากนี้ ยังมีการชูป้ายข้อความต่างๆ อาทิ เราไม่เอา พ.ร.บ.ที่ไม่รับฟังเสียงองค์กรครูและนักเรียน อย่างไรก็ตาม ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจของสภา คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับสมาคม