“นักศึกษา ม.คาโกชิมา ญี่ปุ่น” ยกคณะมาไทย ดูปัญหาลักลอบทิ้งกากสารพิษในพื้นที่ อ.สนามชัยเขต ฉะเชิงเทรา เผย “สุชาติ ตันเจริญ” เคยประสานหลายหน่วยงานแก้ไข แต่ยังขาดงบประมาณ ส่วนคดีเอาผิดไม่คืบ ท่ามกลางข่าว “บิ๊กการเมืองท้องถิ่น” มีเอี่ยว
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 65 นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กความว่า “กากสารพิษสนามชัย ดังไกลถึงญี่ปุ่น วันนี้ (27 ส.ค.) มีนักศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยคาโกชิมา ประเทศญี่ปุ่น ประสานงานผ่านมูลนิธิบูรณะนิเวศ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อมาดูปัญหากากสารพิษ ณ บ้านนาน้อย หมู่ 6 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา”
นายสุชาติ ยังได้โพสต์ภาพคณะอาจารย์และนักศึกษา กว่า 20 คน ขณะลงพื้นที่สวนปาล์มแห่งหนึ่ง ที่ตั้งของบ่อที่มีการลักลอบทิ้งกากสารพิษ โดยมีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ร่วมให้ข้อมูลด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. 64 นายสุชาติ ได้ทำหนังสือประสานไปยังนายกรัฐมนตรี, รมว.มหาดไทย, รมว.อุตสาหกรรม, รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เพื่อให้พิจารณาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากขบวนลักลอบทิ้งกากสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ตามที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่หมู่ 6 บ้านนาน้อย ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ประสานขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีผลกระทบทั้งในเรื่องสุขภาพอนามัยของประชาชน ตลอดจนส่งผลเสียต่อแหล่งน้ำ และทำลายสิ่งแวดล้อม โดยคลองระบม และคลองท่าลาด อ.พนมสารคาม ที่เป็นแหล่งต้นน้ำของ จ.ฉะเชิงเทรา ด้วย
“จากตรวจสอบแล้ว สันนิษฐานว่า เป็นกากสารพิษที่มาจากน้ำมันปิโตรเลียมที่ใช้แล้วจากโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรง มีสารพิษโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน และมีสารก่อมะเร็ง” นายสุชาติ เปิดเผยเมื่อเดือน ธ.ค. 64
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่ได้รับเรื่อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทาง จ.ฉะเชิงเทรา ก็ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น แต่ยังไม่สามารถดำเนินการกำจัดน้ำกากสารพิษอุตสาหกรรม และดินที่ปนเปื้อนตามหลักวิชาการได้ เนื่องจากยังขาดงบประมาณในการดำเนินการ
รายงานข่าวจากในพื้นที่ แจ้งว่า จากการตรวจสอบพบว่า ยังคงมีการลักลอบทิ้งกากสารพิษที่มาจากน้ำมันปิโตรเลียมใช้แล้วจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ยังคงดำเนินการกันอยู่ โดยได้ย้ายจุดทิ้งไปยังพื้นที่ใกล้เคียง โดยที่ผ่านมา ยังไม่มีการดำเนินคดีใดๆ กับผู้กระทำผิด ตลอดจนอัตราโทษต่ำ เป็นเหตุให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย อีกทั้งยังมีข้อมูลด้วยว่า ขบวนการลักลอบทิ้งกากสารพิษในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และใกล้เคียงนั้น เป็นเครือข่ายที่มีนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.ฉะเชิงเทรา อยู่เบื้องหลัง และยังเป็นเครือข่ายเดียวกับขบวนการลักลอบค้าน้ำมันในพื้นที่ภาคตะวันออกด้วย