xs
xsm
sm
md
lg

น่าคิด? อดีตบิ๊ก ศรภ.ชี้ มี “ป้อม” ดีกว่ามี “โทนี่” “ไตรรงค์” ซัด “ใครกันแน่ที่เถื่อน” “วันชัย” ทำนาย มีนาฯปี 66 ดีขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศรภ. ชี้ มี “ป้อม” ย่อมดีกว่ามี “โทนี่” ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ และสยามรัฐออนไลน์
อดีตหัวหน้า ศรภ. ชี้ มี “ป้อม” ย่อมดีกว่ามี “โทนี่” แต่ตอนนี้ยังไม่ใช้ “ดร.ไตรรงค์” ซัด “ใครกันแน่ที่เถื่อน” ยกหลักสากล ประเทศที่มีอารยะ คนส่วนใหญ่ยึดหลักนิติธรรม “วันชัย” ทำนายดวงเมือง มีนาฯปี 66 ทุกอย่างดีขึ้น

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (28 ส.ค. 65) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เพจเฟซบุ๊ก พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ระบุว่า

ภาพ ป้อมปราบศัตรูพ่าย ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์
“มีคนส่งรูปมาให้ พร้อมกับบอกว่า เวลามีศึกเหนือ เสือใต้ มาประชิดกรุง มีป้อมอยู่ก็น่าจะปลอดภัยกว่าไหม

ครับ มี ป้อม ย่อมดีกว่า มีโทนี่ แน่นอน แต่ตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลาจะต้องใช้ ป้อม นะครับ”

ภาพ ประกอบ “ใครกันแน่ที่เถื่อน” ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
ขณะเดียวกัน ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ระบุว่า

“#ใครกันแน่ที่เถื่อน

เมื่อตอน นายโจ ไบเดน (Joe Biden) ได้รับเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนใหญ่ (Electoral Vote) ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายของสหรัฐอเมริกา รัฐสภาจะต้องรับรองผลการเลือกตั้งดังกล่าวเสียก่อน โจ ไบเดน จึงจะสามารถเข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ได้ แต่ผู้แพ้เลือกตั้งคือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้ปลุกระดมกล่าวหาว่า เขาถูกโกงการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่คณะกรรมการเลือกตั้งและศาลได้พิจารณาวินิจฉัยแล้วว่า “ไม่มีการโกง” แต่ด้วยคำโกหกดังกล่าวของนายทรัมป์ได้ปลุกเร้าให้ผู้สนับสนุนตัวเขาได้ก่อม็อบเดินขบวนเข้าไปยึดอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางการรับรองผลการเลือกตั้ง (เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564) จึงเกิดมีการทำลายข้าวของในรัฐสภา ทำร้ายเจ้าหน้าที่ และตำรวจสภาฯจนเกิดการยิงกันตายไปหลายศพและถูกจับกุมไปดำเนินคดีกันเป็นจำนวนมาก

การกระทำของ #ม็อบคนเถื่อน เหล่านั้นได้ทำลายชื่อเสียงและเกียรติภูมิของสหรัฐอเมริกาในฐานะผู้นำการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไปทั่วโลก เพราะเป็นการเปิดเผยให้เห็นว่า มีคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยที่ยังมีจิตใจป่าเถื่อนไม่มีความเป็นอารยะ กล่าวคือพร้อมจะใช้ความรุนแรงกับทุกฝ่ายโดยไม่ยำเกรงและเคารพกฎหมาย เพียงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ แม้ว่าสิ่งนั้นจะสวนทางกับความต้องการส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศก็ตาม จึงเรียกได้เต็มปากว่าพวกนี้เป็นพวกบูชาระบบ “อนาธิปไตย” ไม่ใช่บูชาระบบ “ประชาธิปไตย” ตามอารยธรรมที่พวกเขาใช้ประกาศกันในการหาเสียงระหว่างการเลือกตั้ง (ซึ่งมันสะท้อนออกมาในรูปของนโยบายต่างประเทศและนโยบายกลาโหมตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบัน)

มีอยู่หลายครั้งในหลายๆ ประเทศที่เมื่อศาลสถิตยุติธรรม หรือศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำพิพากษา ที่ไม่ตรงกับผลประโยชน์ที่พวกตนต้องการ ผู้ถูกศาลลงโทษ (ส่วนใหญ่เป็นนักการเมือง) ก็จะแหกปากตำหนิติเตียนศาลฯว่าเป็นผู้ที่มิได้มาจากการเลือกตั้งเหมือนพวกตน มีความชอบธรรมอะไรจึงมาพิพากษาลงโทษพวกตนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ถ้าหยุดคิดเสียสักหน่อยก็ควรจะได้สติกันว่าการเลือกตั้งนั้นเป็นเพียงการบ่งบอกถึงความชอบหรือไม่ชอบของประชาชน แต่จะนำผลการเลือกตั้งนั้นมาใช้กับกระบวนการยุติธรรมย่อมไม่ได้ เพราะการพิจารณาของทุกศาลทุกแบบล้วนอาศัยหลักกฎหมายที่ประกอบด้วยทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงไม่มีอะไรเกี่ยวกับความชอบหรือไม่ชอบของประชาชน ถ้าศาลฯลงโทษผู้ใดก็โปรดเชื่อเถอะว่าศาลได้ใช้ดุลยพินิจด้วยความรอบคอบตามหลักข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เพราะมีหลักกฎหมายที่ใช้กันทั่วโลกมาเป็นพันปีแล้วอยู่ข้อหนึ่ง ก็คือ “บุคคลจะไม่ต้องรับโทษถ้าไม่มีกฎหมายกำหนดเอาไว้”

ในประเทศเสรีประชาธิปไตยประชาชนที่เป็นอารยะต้องมีมากกว่าประชาชนที่เป็นอนารยะ(ป่าเถื่อน) ประเทศทั้งหลายถึงสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยความราบรื่น โดยอาศัยคนส่วนใหญ่ยังยึดหลักนิติธรรมเป็นใหญ่เอาไว้ด้วยความมั่นคง การพิจารณาของศาลทุกขั้นตอน (ของทุกๆ ศาล) ต้องปราศจากความกดดันใดๆ ของทุกๆ ฝ่ายทั้งจากนักการเมือง พรรคการเมือง และกลุ่มม็อบทุกชนิด

คำพิพากษาถึงที่สุดออกมาเป็นเช่นใดทุกฝ่ายต้องยอมรับว่ามันเป็นคำตอบสุดท้ายของแผ่นดิน (The last words of the nation) บ้านเมืองจึงจะสามารถเดินก้าวหน้าไปได้ด้วยความสงบ อันเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่จะทำให้ประเทศของเรา ได้รับความนับถือศรัทธาจากประเทศอื่นๆทั่วโลก จะช่วยทำให้ใครๆก็อยากมาค้าขายและลงทุนกับประเทศที่ยังยึดหลัก “นิติธรรม” ไว้อย่างมั่นคง

APEC กำลังจะมีการประชุมในประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน 2565 คนไทยที่รักชาติจริงจึงควรจะช่วยทำให้ประเทศเรียบร้อยไม่สับสนวุ่นวายเหมือนมีจลาจลอย่างไม่รู้จักหยุดไม่รู้จักหย่อน เพราะ APEC ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเมือง เป็นเรื่องเศรษฐกิจว่าด้วยเรื่องการค้าขาย การท่องเที่ยวและการพัฒนาด้านสังคมในทุกๆ ด้าน ที่ประเทศสมาชิกจาก 21 เขตเศรษฐกิจจะได้มาทำการตกลงกัน

คนไทยทุกคนจึง #ควรจะช่วยกัน สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับประเทศก็เพื่อชาติและประชาชนทั้งมวลจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการประชุมดังกล่าว อย่าลืมว่าเรารอโอกาสนี้มา 20 ปีแล้วนะครับ”

ภาพ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ทนายวันชัย สอนศิริ ระบุว่า

“ดอกไม้กับโลงศพทางการเมือง”

เมื่อวานนี้ไปสวดมนต์ปฏิบัติธรรมที่วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน ได้สนทนาธรรมกับพระอาจารย์โชคดี เจ้าอาวาสเกจิหนุ่มร่วมสมัย ท่านบอกว่า สถานการณ์ของประเทศและการเมืองในขณะนี้เข้าหลักของไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ยิ่งระยะ 3-4 เดือนต่อไปนี้เป็นเรื่องของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา เป็นเรื่องของอนิจจังจริงๆ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงพร้อมจะเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ทั้งภายในและภายนอก ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้เลยไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

ยิ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองต้องยึดหลักอริยสัจ 4 เป็นสรณะ ดวงตาจะเห็นธรรม ตามความเป็นจริงในโลกธรรม 8 มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีสรรเสริญมีนินทา มีสุขมีทุกข์ มันสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล เหตุการณ์ ความเป็นไป แต่ประเทศไทยยังมั่นคงสถาพรด้วยธรรมะจัดสรร

ในอนาคตต่อไปประเทศไทยและสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ได้แลกเปลี่ยนกับท่าน มีความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เมื่อมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป โดยเฉพาะประเทศไทยทั้งธรรมะจัดสรรและดวงดาวกำหนด
ในปีหน้าตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นไป ทั้งมฤตยูและราหูจะเคลื่อนถอยไปจากดวงเมือง อันหมายถึงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จะปรากฏให้ผู้มีอำนาจดวงตาเห็นธรรม บ้านเมืองจะเข้าที่เข้าทาง ประสานสามัคคีร่วมกัน สร้างความสงบร่มเย็นให้กับประเทศ ทั้งเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองก็จะเดินไปได้ด้วยดี

เป็นความมหัศจรรย์พันลึกที่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้ เหมือนดอกไม้กับโลงศพลงตัวกันพอดี ความตายกับความสวยงามมาอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว นักการเมือง พรรคการเมือง จะเกิดดวงตาเห็นธรรมร่วมกัน สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดก็จะเกิดขึ้นนับแต่นั้นเป็นต้นไป... สาธุ สาธุ สาธุ”

แน่นอน, สิ่งที่ทุกคนจะต้องช่วยกันในวันที่นายกรัฐมนตรี ผู้นำประเทศ ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยสถานะการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีหรือไม่ ก็คือ ลดเงื่อนไขความขัดแย้ง ไม่สร้างเงื่อนไขแตกแยก ประคองประเทศให้ตั้งตรง และเห็นแก่เศรษฐกิจปากท้องของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

หยุดกดดันและชี้นำทางสังคม ปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอิสระในการวินิจฉัยอย่างเต็มที่ และยอมรับคำวินิจฉัย ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เพราะนี่คือ “ประชาธิปไตย”

ส่วนอนาคตหลังคำวินิจฉัย จะนำไปสู่เหตุการณ์อะไรบ้าง แม้ว่ามีแนวทางอยู่แล้ว แต่หลายคนก็พยายามรวบรัดตัดตอน ไม่ต้องการให้เดินไปอย่างถูกต้องตามแนวทางของกฎหมาย โดยเฉพาะกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง และม็อบการเมือง ที่ไม่มีประชาชนส่วนใหญ่เข้าร่วม หรือเห็นด้วย

จึงนับว่าน่าสนใจ คำทำนายของโหราศาสตร์ ที่ “วันชัย” หยิบยกมาว่า ประมาณเดือนมีนาฯปี 66 ทุกอย่างจะดีขึ้น ทั้งดวงเมืองผ่อนคลาย และผู้มีอำนาจดวงตาจะเห็นธรรม หลายคนคงอยากให้ถึงวันนั้นเสียเดี๋ยวนี้เลย


กำลังโหลดความคิดเห็น