xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.นิว” ฟาด “สามนิ้ว” ส่อใช้ “รอยเตอร์” พาดพิง สถาบันฯ “โบว์” งง “สลิ่ม-สามกีบ” ใครเป็น ปชต.กว่ากัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ภาพข่าวจาก รอยเตอร์ ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul
จริงหรือไม่? “ดร.นิว” ฟาดข่าว “ยี่ห้อรอยเตอร์” เขียนโดยคนไทย ผลงานของสามนิ้ว กระจายโดยสามนิ้ว เพื่อจูงจมูกสามนิ้ว “โบว์” งง แค่ร่วมรายการ ดร.เสรี ถูกสามกีบ สับเละ! “ไม่รู้ใครเป็น ปชต. มากกว่ากัน”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (27 ส.ค. 65) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า

“ข่าวยี่ห้อรอยเตอร์ แต่เขียนโดยคนไทย ผลงานของสามนิ้ว กระจายโดยสามนิ้ว เพื่อจูงจมูกสามนิ้ว”

และก่อนหน้านี้ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยจะต้องถูกกระทำแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน?

รอยเตอร์จะหมดความน่าเชื่อถือเพราะข่าวแบบนี้

เห็น นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แชร์ข่าวของรอยเตอร์เกี่ยวกับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ พอเข้าไปอ่านเนื้อความก็ได้กลิ่นตุๆ จนทำให้ต้องดูว่าใครเป็นคนเขียนข่าวชิ้นนี้ขึ้นมา ปรากฏว่า คนเขียนข่าวเป็นคนไทยที่มีชื่อว่านาย Chayut Setboonsarng

โดยข่าวของนาย Chayut Setboonsarng ชิ้นนี้ นับได้ว่า เป็นการเขียนข่าวแบบมีธงอคติปักไว้แล้ว ไม่ได้นำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วนและรอบด้านแต่อย่างใด หากแต่เต็มไปด้วยข้อมูลด้านเดียว ซึ่งอาจจะจงใจชี้นำให้เกิดความเข้าใจผิดๆ เสียด้วยซ้ำ

จากการอ่านข่าวดังกล่าว พบว่า มีหลากหลายประเด็นที่ต้องชี้แจงให้สังคมได้รับรู้รับทราบ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ให้สังคมได้ตระหนักว่าการได้ผลกำไรของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นเรื่องปกติที่เป็นธรรม ไม่ได้มีความผิดแปลกใดๆ ทั้งสิ้น

ประเด็นที่ 1 บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นบริษัทเดียวในภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นฐานในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ระดับโลกของประเทศอังกฤษ เพราะมีโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลหลายรายการ เช่น PIC/S GMP, ISO9001, ISO17025 และ ISO13485 อีกทั้งยังสามารถรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด-19 จากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ได้ในกำลังการผลิตที่สูงถึง 200 ล้านโดสต่อปี สอดคล้องกับความต้องการผลิตวัคซีนจำนวนมากของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า

ประเด็นที่ 2 แม้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จะไม่ได้ผลิตวัคซีนโดยตรง แต่บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ มีเทคโนโลยีชั้นสูงที่ก้าวหน้าและทันสมัย สามารถผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) ซึ่งสามารถนำไปใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างกว้างขวาง รวมถึงนำมาใช้ในการผลิตวัคซีนโควิด-19 แบบไวรัสเวกเตอร์ (Viral vector) ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ได้อีกด้วย

ประเด็นที่ 3 การขาดทุนของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ มาจากการลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) ซึ่งมีกำลังการผลิตที่สูงถึงหลายร้อยล้านโดสต่อปี จึงไม่แปลกที่จะขาดทุนอย่างต่อเนื่องในระยะแรก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นใน ปี พ.ศ. 2552 จนกระทั่งเริ่มการผลิตและมีการจัดจำหน่ายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2559 อีกทั้งยังมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะให้ประชาชนชาวไทยสามารถได้รับยาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงในราคาที่ถูกลง

ประเด็นที่ 4 บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ มุ่งเน้นการเพิ่มโอกาสของประชาชนทั่วไปในการเข้าถึงยาที่มีคุณภาพในราคาที่ถูกลง เพื่อความมั่นคงทางยาของประเทศชาติ และดูแลรักษาสุขภาพของปวงชนชาวไทย นอกจากวัคซีนโควิด-19 แบบไวรัสเวกเตอร์ (Viral vector) ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ในปัจจุบันบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ยังได้รับการรับรองและผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) ที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ยาฮอร์โมนอีริโทโพอิติน (Erythropoietin) สำหรับกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง รักษาภาวะโลหิตจางจากไตวายเรื้อรัง และ ยาฟิลกราสทิม (Filgrastim) สำหรับกระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวควบคู่กับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยให้ประชาชนชาวไทยสามารถเข้าถึงยาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงในราคาที่ถูกลง

ประเด็นที่ 5 การที่บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ได้รับเงินสนับสนุนจากทางรัฐบาลเพื่อพัฒนาศักยภาพในการผลิตวัคซีนจำนวน 600 ล้านบาทนั้น ไม่ใช่เงินสนับสนุนแบบให้เปล่าแต่อย่างใด เพราะในสัญญาได้ระบุไว้ว่า เมื่อผลิตได้ตามมาตรฐานแล้ว จะคืนวัคซีนในจำนวนเท่ากับทุนที่ได้รับการสนับสนุน แต่นักเขียนข่าวอย่าง นาย Chayut Setboonsarng กลับไม่ยอมทำการบ้านเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังมีหัวสมองไว้กั้นหูจนนำเสนอแต่ข้อมูลด้านเดียว โดยไม่ได้นำเสมอข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และสมบูรณ์แต่อย่างใด

ข่าวรอยเตอร์โดยนาย Chayut Setboonsarng ชิ้นนี้ จึงเป็นข่าวที่ไร้คุณภาพและมาตรฐานใดๆ เพราะนำเสนอแค่ข้อมูลด้านเดียวที่เต็มไปด้วยอคติว่าบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ได้กำไรเยอะแยะ โดยที่ไม่ได้นำเสนอที่มาที่ไปตามความจริงอย่างเป็นเหตุเป็นผล

ภาพ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากสยามรัฐออนไลน์
ข่าวรอยเตอร์ในลักษณะแบบนี้ จึงนับได้ว่าเข้าข่ายบิดเบือนข้อมูลในทางให้ร้าย ชวนให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย และความเข้าใจอันผิดพลาดคลาดเคลื่อนต่อบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งอาจจงใจให้กระทบกระเทือนไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย

เราคงได้เห็นกันแล้วว่า ขบวนการปั่นกระแสบิดเบือนโดยใช้สื่อและโซเชียลมีเดีย เพื่อชี้นำทางความคิดนั้นมีอยู่จริง เบื้องหลังก็คนไทยเองนี่แหละที่เขียนข่าว แล้วแปะชื่อรอยเตอร์ จากนั้นก็ให้พวกอินฟลูเอนเซอร์สามนิ้วออกมาช่วยกระจายความบิดเบือน

เฮ้อ เบื่อจริงๆ ที่ต้องทนเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยถูกกระทำแบบนี้ ถูกบิดเบือนให้ร้ายด้อยค่า แล้วยัดเยียดความเกลียดชังบนพื้นฐานของการโกหกอย่างไม่เป็นธรรมมาโดยตลอด เมื่อไหร่หนอขบวนการแย่ๆ ที่คอยปั่นกระแสบิดเบือนจะจบสิ้นลงไปเสียที?” (จากสยามรัฐออนไลน์)

ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul ของ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โพสต์ภาพ พร้อมข้อความ (25 ส.ค. 65) ระบุว่า

“รอยเตอรส์รายงานว่า ปี 2021 บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ของ... (ที่เคยขาดทุนมาตลอด) ได้ทำกำไรเป็นประวัติการณ์เกือบ 50 เท่า คือ 4650%
https://www.reuters.com/.../thai-kings-medical-firm.../”

ภาพ “โบว์” ณัฏฐา มหัทธนา ไปร่วมรายการ “ดร.เสรี” ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากสยามรัฐออนไลน์
ขณะเดียวกัน “โบว์” ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก และทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว @NuttaaBow ระบุว่า...

“ทุกครั้งที่ได้รับเชิญไปให้สัมภาษณ์ที่ Top News คอมเมนต์ที่ได้รับจาก “สลิ่ม” ที่นั่งดูตลอดรายการ คือ “เห็นต่างแต่รับฟังได้ ไว้เชิญมาอีกนะ” ส่วนหลายคนใน “ฝ่ายประชาธิปไตย” ที่ไม่คิดจะฟังเนื้อหาในรายการจะแคปรูปหรือข้อความสั้นๆ ไปด่า.. เลยงง ไม่รู้ใครเป็นประชาธิปไตยมากกว่ากัน #นายกเถื่อน”

ต่อมาโพสต์ข้อความระบุว่า...

“ได้รับเชิญไปคุยในรายการของ Top News เนื้อหาที่นำเสนอ คือ ทำไมนายกฯจึงควรลงจากอำนาจ สลิ่มฟังแล้วบอกว่ารับฟังได้ในเหตุผล ส่วนคนที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตยหลายพันคนไม่ได้ฟัง เห็นภาพว่านั่งคุยกับ อ.เสรี ก็ทวีตไปด่าพร้อมข้อกล่าวหาสารพัด คุณจะไปทวงประชาธิปไตยจากใครได้ เมื่อในใจไม่เคยมี” (จากสยามรัฐออนไลน์)

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ คือ การใช้สื่อที่น่าเชื่อถือ และเป็น “สากล” มากขึ้น ในการ “บิดเบือน” ชี้นำทางความคิดของผู้คน โดยอาจมีขบวนการ “สมคบคิด” หรือไม่ หรือ เพียงเพราะสื่อสำนักดังต้องการแค่ “ขายข่าว” หวือหวาเกี่ยวกับสถาบันฯของไทยเท่านั้น?

รวมถึง ประเด็นที่ “โบว์” หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น ก็ถือว่าน่าคิดเช่นกัน เพราะเห็นได้ชัดว่า มีการ “แบ่งฝักแบ่งฝ่าย” โดยไม่ “แยกแยะ” สาระและเหตุผล สังคมเช่นนี้ คือ สังคมแตกแยก “ที่ไร้สาระ” และตกเป็น “ทาสทางความคิด” อย่างไม่ลืมหูลืมตา เราจะสร้างอนาคตประเทศไทย ด้วย “สามกีบ” ที่คลั่งไคล้ประชาธิปไตยแบบนี้หรือ?


กำลังโหลดความคิดเห็น