xs
xsm
sm
md
lg

อยากโชว์เหนือไม่ดูตัว “ท็อป-บิทคับ” ให้ไทยเลิก “Amazing Thailand” มุ่งคริปโตฯ กลายเป็นโชว์โง่คนสวดยับ ** จาก “นิพิฏฐ์” ถึง “ลุงตู่” ควรต้องเลิกทาส ส่งทหารรับใช้ผู้ยิ่งใหญ่ได้แล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** อยากโชว์เหนือไม่ดูตัว “ท็อป-บิทคับ” ให้ไทยเลิก “Amazing Thailand” มุ่งคริปโตฯ กลายเป็นโชว์โง่คนสวดยับ

กวักมือเรียกคณะทัวร์มาลงเต็มๆ เมื่อ “ท็อป-บิทคับ” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้ง และ CEO บิทคับ ตลาดซื้อขายคริปโตฯ เสนอความเห็นที่ว่า ให้ประเทศไทยเลิกพึ่ง “Amazing Thailand” รายได้จากท่องเที่ยว ต้องเปลี่ยนเป็นศูนย์กลางขอ ง “เศรษฐกิจดิจิทัล” และถ้าจะเปลี่ยน ต้องเริ่มวางโครงสร้างพื้นฐานได้แล้ว

งานนี้ ถ้าใครเพิ่งมารู้จัก “ท็อป” จิรายุส ก็คงงงๆ ทำไมกับคำพูดของหนุ่มคนนี้ มีอะไรที่ทำให้คณะทัวร์พากันจับประเด็นไปตอบโต้จนเป็น “ไวรัล” ว่อนทั่วเน็ตไปได้ เขาก็ดูพูดดีมีวิชันนี่ ออกจะหล่อ เท่ ไม่ตกยุค แต่...ไม่ใช่สำหรับคนรู้ทัน

หลายคนตอนนี้ เมื่อเห็น “ท็อป อ้าปาก ก็เห็นลิ้นไก่ พอๆ กับเห็น “ป้ายบิทคับ” บิลบอร์ดตามทางด่วนเต็มบ้านเต็มเมืองของเขา ชวนคนเล่นคริปโตฯ ดันแคมเปญ “10 บาทก็ลงทุนได้” ให้เยาวชนเข้ามาเปิดบัญชี ก็ร้องยี้ เพราะกลายเป็นคำชวนเชื่อโฆษณาโอ้อวดมาร์เก็ตติ้ง พาให้เจ็บปวดเสียดแทงใจทุกครั้งที่ได้เห็น ไหนล่ะที่ท็อปบอกว่าจะพา “เชื่อมต่อโลกอนาคต” ถามว่า วันนี้ มีสักกี่คนที่เหลือรอดจาก “บ่อนแตก” สิ้นเนื้อประดาตัวจากการเทรดคริปโตฯ

“ท็อป” เป็นเจ้าของตลาดบิทคับที่คุยเชื่องว่า เป็นเจ้าใหญ่ของเมืองไทย แน่นอนว่า คนรู้จักเพราะทำการตลาดอย่างบ้าคลั่ง แถมเจ้าตัวก็ “หิวแสง” ไปโผล่ทุกที่ที่มีแสง ไปแจมทุกวงการ เพื่อผลทางการตลาดให้คนเข้ามาเปิดบัญชี เทรดคริปโตฯกันเยอะๆ เพื่อบิทคับจะได้มีรายได้จากการเก็บกินค่าต๋ง และ ค่าฟี จากรายการเบิกถอน ที่ตั้งราคาแพงกว่าแบงก์คิดหลายร้อยเท่า

พรีเซนต์เป็นคนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีดิจิทัล จนมีข่าวแบงก์ใหญ่อย่าง Scbx จะเข้าซื้อ แต่ถามคนในวงการว่า มีอะไรแปลกใหม่มั้ย?? เขาก็จะพากันหัวร่อ วิชันแบบนี้ วิถี “เด็กเมากาว” พูดยังน่าฟังมากกว่า

มาถึงการเสนอให้ประเทศเลิกพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว หรือ Amazing Thailand ต้องถือว่า เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวของ “ท็อป บิทคับ” สอดแทรกคำโฆษณาชวนเชื่ออย่างเนียนๆ หรือไม่

“อะเมซิ่งไทยแลนด์” อยู่คู่เศรษฐกิจไทยมาตั้งแต่ก่อนท็อปจะเกิดเสียด้วยซ้ำ การท่องเที่ยว สร้างรายได้ สร้างงาน สร้างเศรษฐกิจให้ประเทศ แบบจับต้องได้ มีธุรกิจที่เป็นห่วงโซ่ ประชาชน รายย่อย รายน้อย ท้องถิ่นได้มีอาชีพ มีเศรษฐกิจเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง กี่มากน้อย ต้องบอกว่า มีมากมายมหาศาล พิสูจน์กันจนไม่ต้องพิสูจน์อะไรกันอีก

แต่คริปโตฯ มีสักกี่คนทำธุรกิจนี้ ประชาชน ร้านตลาด มีสักกี่คนที่จะได้ประโยชน์จากคริปโตฯ นอกจากบิทคับและนายท็อป จะรวยอู้ฟู่หากินกับความไม่รู้ของคนอยู่เจ้าเดียว ??

ประเด็นที่เป็นคำถามสำคัญสำหรับ “ท็อป-บิทคับ” ก็คือ คิดเสนอตัวเป็นผู้วางโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล วันนี้บิทคับเป็นตัวอย่างที่ดีแล้วจริงหรือ ??

นอกจาก ทำตัวเป็นบริษัทมาร์เกตติ้งโฆษณาชวนเชื่อ เนื้อในของบิทคับ โปร่งใสแค่ไหน ทำอะไรไว้มั่ง เป็นคำถามตัวโตๆ? ถูก “เรคกูเลเตอร์” ก.ล.ต. ตรวจสอบ ลงโทษกี่ครั้ง กี่เรื่อง เท่าที่มีข้อมูลตั้งแต่ได้ไลเซนส์ ปี 61 มาจนปัจจุบันก็โดนมาหมดในทุกรายการ ทั้ง “บัญชีม้า” “ระบบซื้อขาย” “สร้างดีมานด์เทียม” “ผู้บริหารสมคบมาร์เกตเมกเกอร์” “ปล่อยให้ปั่นราคา” ลิสต์ข้อกล่าวหายาวเป็นหางว่าว ที่จับปรับ-ลงโทษก็เยอะ ที่คังค้างอยู่ที่ ก.ล.ต.อีกก็มาก

โดยเฉพาะกับ “Kub” เหรียญอภิหาร ที่บิทคับเสกขึ้นมา กำหนดคุณสมบัติเอง ลิสต์ซื้อขายในตลาดตัวเอง เทรดกัน ลากกัน จนกราคา 30 ไป 500 กว่า โกยเงินโกยทองกันบานแค่ไหนลองคำนวณดูได้ เมื่อ ก.ล.ต.บอกไม่มีคุณสมบัติ ก็ยังดื้อแพ่ง-แข็งเมือง เย้ยหยัน เรคกูเรเตอร์แบบนี้อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เดากันไม่ยาก ขนาดพันธมิตรธุรกิจของบิทคับรายแรกๆ อย่าง “โปรเอน” ยอมล่มสัญญา ถอนตัวจาก Kub ก่อนกำหนด แบบขาดทุนบ่นปี้ “กำขี้ดีกว่ากำตด” ย่อมไม่ธรรมดาแน่ ต้องเห็นสัญญานอะไรจากบิทคับ ที่วงในเท่านั้นที่รู้

ไม่นับรวม ดีลยานแม่ SCBX จะซื้อที่วันนี้ เงียบหายไปในอากาศ

อย่างนี้แล้ว บิทคับ อาสาจะเป็นศูนบ์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีหรือไม่ จะแทนที่ อะเมซิ่งไทยแลนด์ ได้หรือ สาธุชนพึงฟังแล้วคิดหาคำตอบได้ตามอัธยาศัย

งานนี้อยากโชว์เหนือ โชว์หล่อ ได้กลายเป็นโชว์โง่ อ๊ะป่าว!!





** จาก “นิพิฏฐ์” ถึง “ลุงตู่” ควรต้องเลิกทาส ส่งทหารรับใช้ผู้ยิ่งใหญ่ได้แล้ว

เรื่องอื้อฉาว นายตำรวจหญิง ยศ ส.ต.ท. สังกัดกองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 อ้างว่า เป็นเมียน้อย ส.ว. และเป็นผู้ประสานงาน ส.ว. บังคับใช้แรงงาน อดีตทหารหญิงยศสิบโท ที่เป็นทหารรับใช้ในบ้าน อย่างโหดร้ายทารุณ กลายเป็นดรามาขยายวงกว้างซะแล้ว

วันก่อน “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเห็นบอกว่า ปัญหาแบบนี้ ต้องให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบจะดีที่สุด

นั่นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น รมว.กลาโหม ด้วย เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทหาร

พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้บริหารสูงสุดของตำรวจ และ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้แต่งตั้ง ส.ว.

เพราะฉะนั้น เรื่องนี้จึงเหมือนเป็นเรื่องเด็กในบ้านของ พล.อ.ประยุทธ์ ทะเลาะกันเอง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องแก้ปัญหา
ถ้า ส.ว.คนที่ถูกพาดพิงถึงจะลาออก พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีอำนาจแต่งตั้ง ส.ว.คนใหม่เข้ามาอีก

ถ้าจะถามว่า สิบตำรวจโท มีทหารรับใช้ (ยศสิบโท) ได้หรือ? เรื่องแบบนี้ก็ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์

แล้ว ส.ว.ขอทหารรับใช้ให้เมีย ได้หรือ? ก็ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ อีกนั่นแหละ เพราะท่านแต่งตั้ง ส.ว.เอง

ส่วนพวกเราในฐานะประชาชน ก็ได้แต่ไปเติมน้ำมัน, ซื้อสบู่ ยาสีฟัน ซื้อสินค้า เพื่อให้รัฐบาลหักภาษี 7% ไปเป็นเงินเดือน สิบตำรวจโท, เงินเดือนสิบโท, เงินเดือน ส.ว.และเงินเดือน พล.อ.ประยุทธ์ จ่ายภาษีไปก็ยกมือท่วมหัวเสียก่อน ส่งผลบุญให้ท่านผู้ทรงเกียรติ

ส่วนคำถามที่ว่า “สิบตำรวจโทหญิง” จะผิดข้อหาอะไร ก็ต้องผิดฐานทำร้ายร่างกาย แน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็น่าจะผิดข้อหา “ค้ามนุษย์” ด้วย เว้นแต่ตำรวจจะสอบสวนอย่างไรเท่านั้น และถ้า ส.ว.รู้เรื่องการทำร้ายด้วย ส.ว.ก็ผิดค้ามนุษย์ด้วย พร้อมตบท้ายว่า “เรื่องนี้มีเสียว”

หลังจากรองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความออกไป องครักษ์พิทักษ์ “ลุงตู่” ก็เริ่มทำงานทันที

“ชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์” ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สวนกลับทันควัน ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ซึ่งหากพบว่ากระทำความผิดจริง ก็เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายอยู่แล้ว นายกฯ ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย และกำชับทุกคนให้อยู่ในระเบียบกฎหมาย ใครทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ

น้องชายของ “แรมโบ้อีสาน” ยังเหน็บกลับไปอีกว่า ไม่ควรเอาทุกประเด็นมาเชื่อมโยงการเมือง และเรื่องคดีเมีย ส.ว.นั้น ถือเป็นเรื่องนิสัยส่วนตัว เป็นการกระทำความผิดส่วนตัว นายกฯ ไม่ได้ดูแล เพียงแค่ทหาร ตำรวจ แต่ยังดูแลทุกหน่วยงาน ดูแลประชาชนคนไทยทุกคนในฐานะเป็นผู้นำประเทศด้วย ไม่สามารถทราบได้ว่า จะมีผู้ใต้บังคับบัญชาคนใดจะทำนอกลู่นอกทาง เหมือนพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีลูกพรรคออกนอกลู่นอกทาง ไม่พอใจหัวหน้าก็ลาออกไปอยู่พรรคอื่น

เรียกได้ว่า นอกจากจะปกป้องนายแล้ว ยังซัดกลับผู้มาแตะต้องนายด้วยวาทกรรมเชือดเฉือน หวังให้ชอกช้ำ กระอักเลือด แต่ดูเหมือนว่ารองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย จะไม่สะทกสะท้านสักเท่าไหร่

โดยวานนี้ (21 ส.ค.) “รองฯ นิพิฏฐ์” โพสต์ข้อความตอกย้ำว่า เรื่องวิวาทะระหว่าง สิบตำรวจโท กับ สิบโท ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบคำถามเถอะ

ส่วนที่ “ชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์” ออกมาตอบโต้นั้น ตนไม่รู้จัก แต่ก็ขอฝากไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยคิดบัญชีพร้อมดอกเบี้ยคราวหลัง
รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย อธิบายแนวคิดเพิ่มเติม เรื่องวิวาทะ สิบตำรวจโท กับ สิบโทหญิง ว่า 1. นายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม ด้วย การให้สิบโท ไปเป็นทหารรับใช้เมีย ส.ว. เป็นการบริหารกำลังพลในกระทรวงกลาโหม ถ้าไม่ถาม รมว.กลาโหม แล้วจะถามใครล่ะ

2. นายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ การอนุมัติให้ตำรวจยศสิบตำรวจโท เป็นผู้ประสานงานของ ส.ว. มันมีระเบียบตรงไหนของ สตช.ให้กระทำได้ ต้องถามใครล่ะ ถ้าไม่ถามนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

3. นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอแต่งตั้ง ส.ว.ถ้า ส.ว.มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม จะถามใครล่ะ ถ้าไม่ถามผู้เสนอแต่งตั้งคือนายกรัฐมนตรี

ปล่อยให้นายกรัฐมนตรีตอบประชาชนในเรื่องเหล่านี้เถอะ ท่านจะตอบอย่างไรก็เป็นเรื่องของท่าน อย่าไปปกป้องท่านเหมือนไข่ในหิน

งานนี้เชื่อว่า หลายคนคงส่งเสียงเชียร์ไปยัง “รองฯ นิพิฏฐ์” เพราะปัญหาการส่งทหารชั้นผู้น้อย ไปรับใช้ผู้ยิ่งใหญ่นั้น เกิดขึ้นมานานแล้ว จนกลายเป็นข่าวอื้อฉาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แล้วเคสล่าสุดนี้ ตัวละครที่เกี่ยวข้องล้วนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ “บิ๊กตู่” ทั้งสิ้น ถ้าจะแก้ไขปัญหาจริงๆ ก็ไม่เห็นจะยาก








กำลังโหลดความคิดเห็น