มาแปลก! “ชูวิทย์” ยกความจริง 4 ประการ เรื่อง 8 ปี “เก่ง เบ่ง ดัง ดับ” คือ คำตอบ “โบว์” ชี้ ข้อกฎหมายจบนานแล้ว ฟันธง 8 ปีนายกฯ นับแต่ปี 62 เชื่อผู้ร่างวางเกมเอาไว้แล้ว “พุทธะอิสระ” ถาม “รธน.” มีผลย้อนหลังหรือ?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (21 ส.ค. 65) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า
“ความจริง 4 ประการ เรื่อง 8 ปี
ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ที่ถูกยกให้เป็น “หัวใจของพระพุทธศาสนา” นั้นคือ “อริยสัจ 4” ประกอบด้วย “ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค”
หากคนยุคนี้ไม่ซึ้งเข้าถึงรสพระธรรมก็ไม่แปลก เพราะคนพูดแท้จริงไม่ได้ “ดับทุกข์” แต่กลับ “อมทุกข์” เอาไว้ ย่อมไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้
เวอร์ชั่นของ “องคุลีมาลชูวิทย์” อธิบายได้ว่า
หัวใจของกิเลสตัณหา ประกอบด้วย “เก่ง เบ่ง ดัง ดับ” อันเป็นหนทางสู่ความล่มสลายของคนในยุค 2.0 เป็นความจริงในทุกวงการ
ทั้งคนเดินดินกินข้าวแกงริมถนน ไปยันดารา ไฮโซ เซเลบริตี้ หรือแม้แต่วงการการเมืองเรื่อง 8 ปี นับเป็นความจริงที่เริ่มจาก
1. “เก่ง” คนที่มีจังหวะของชีวิต ตำแหน่งหน้าที่ ความสามารถ ทุกคนเริ่มต้นด้วยความเก่งทั้งสิ้น ซึ่งล้วนต้องดิ้นรนขวนขวาย ไม่ใช่ใครจะเก่งได้ทุกคน
การเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 8 ปีได้ ย่อมต้องยอมรับว่า เก่ง จะมีนายกรัฐมนตรีกี่คนในประเทศไทย ที่อยู่ได้นานเท่านี้
พ่อค้า นายทุนใหญ่ ไปยันนายพลขุนศึก การมาถึงจุดสูงสุดนี้ได้ต้องมีความเก่งมาก งัดทุกกลยุทธ์ ทั้งหักหลัง ทิ่มแทง มือยาวสาวได้สาวเอา เหยียบหัวคนอื่น ทำลายคู่แข่งขันเพื่อให้ได้เป็นหนึ่งของวงการ
ผู้ชนะสูงสุด มีอยู่แค่หนึ่งเดียวเท่านั้น เปรียบไปนี่คือฐานของ “ทุกข์”
2. “เบ่ง” เป็นธรรมดาของสัตว์โลกทั้งหลาย เมื่อขึ้นเป็น “จ่าฝูง” ย่อมต้องคงสถานะของตัวเองเอาไว้ตลอดใครคิดมาแหยมเป็นต้องสู้สุดดิ้นถึงจะเป็นจ่าฝูงได้ ทั้งลิง ทั้งเสือ ทั้งหมา ทุกวงการสัตว์ย่อมต้องมี จ่าฝูงไม่พ้นแม้แต่มนุษย์สุดประเสริฐข้าราชการ ย่อมต้องมีนายใหญ่สูงสุด
ประเทศ ก็ย่อมต้องมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ นับวันยิ่งต้องเบ่งขึ้น คอยระวัง ไม่ไว้วางใจใคร และอวดบารมีให้ทุกคนเชื่อฟัง เปรียบไปนี่คือ “การดำรงอยู่ของทุกข์”
3. “ดัง“ ตามลำดับโลกแห่งกิเลสตัณหาอันเป็นอนิจจาความจริง เมื่อถึงขั้นเบ่งแล้วจะไม่ดังหาใช่ไม่ ไปไหนมีแต่คนกราบไหว้ ผู้คนใกล้ชิดพะเน้าพะนอ ยกยอปอปั้นสารพัด สปอตไลท์ฉายแสงไปที่คนดังที่สุดเท่านั้น เปรียบไปนี่คือ “ความจริงแห่งทุกข์”
4. “ดับ” หนทางของโลก ท้ายสุดล้วนไปสู่จุดจบดับสิ้นสูญสลาย ไม่มีใครที่อยู่ค้ำฟ้า จ่าฝูงย่อมถูกท้าทาย เมื่อถึงเวลาสัตว์ในฝูงที่ใหญ่กว่า หนุ่มกว่า แข็งแรงกว่า ต้องต่อสู้ขึ้นมาทดแทน ดาราแก่ตัวลง จากนางเอก พระเอก ก็ต้องถึงเวลาลาโรง ข้าราชการก็ต้องเกษียณ หากเป็นมนุษย์ปุถุชนก็ต้องเข้าโลง ดินกลบหน้า สูญสลายตายจากเป็นเรื่องธรรมชาติ เปรียบไปนี่คือ “การหมดสิ้นทุกข์” นั่นเอง
มีคนพูดถึงการดำรงตำแหน่งระยะ 8 ปี ว่ากันไป ว่าครบเมื่อไหร่อย่างไร มีคนวิพากษ์วิจารณ์มากมาย คงไม่ต้องฟังให้เวียนหัวเพิ่ม เพราะตามขั้นตอน “เก่ง เบ่ง ดัง ดับ” มีอยู่แค่นี้
จะเก่งอย่างไร จะเบ่งยังไง จะดังแค่ไหน ท้ายสุดต้องดับ แบบฉบับจากประสบการณ์มากกิเลสตัณหาของชูวิทย์ ไม่ได้ลบหลู่ แต่คือความจริงอันเสมือน “เกิด แก่ เจ็บ ตาย”
แล้วจะเข้าใจว่า ไม่ว่าในวันที่ 24 สิงหาคม นี้ ผลออกมาเป็นอย่างไร ก็เป็นเพียงหนึ่งในความจริงในวังวนของกิเลสตัณหาเท่านั้น”
ขณะเดียวกัน โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า
“รัฐธรรมนูญระบุว่า นายกฯ (ที่อยู่ได้ไม่เกิน 8 ปี) คือ นายกฯ ที่มาจากการโหวตของสภาค่ะ ก่อนปี 62 ตั้งแต่ยึดอำนาจปี 57 มันยังไม่มีสภาไว้โหวตนายกเลย ก็เลยไม่รู้จะนับยังไง
อย่าลืมว่า ประเทศเราไม่มีสภาไว้ออกกฎหมายและตรวจสอบการทำงานและการใช้งบประมาณทุกอย่างของรัฐบาลช่วงกลางปี 57-62 เป็นเวลาห้าปีเต็มๆ ที่คนหนึ่งคนสามารถออกคำสั่งเป็นกฎหมายได้ เป็นอำนาจตาม ม.44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่คนยึดอำนาจจัดสรรขึ้นมาให้ตัวเอง
เชื่อเถอะ ตอนเขาเลือกคนร่างรัฐธรรมนูญ เขาคิดมาหมดแล้ว ตอนคนร่าง ร่างกัน เขาก็คิดมาหมดแล้ว ถึงบอกว่าเรื่องข้อกฎหมาย มันจบไปนานแล้ว
ใครอยากคอร์รัปชั่นอำนาจ ต้องทำให้ได้ระดับนี้ ไม่งั้นหยุดโม้ไปเลย”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ “พุทธะอิสระ” อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“ถามมา ตอบไป
เห็นท่านเป็นเอฟซีนายกฯ ตู่ คณาจารย์หลายมหาลัย และสื่อหลักหลายช่อง ออกมารณรงค์เรียกร้องให้ประชาชนแสดงความเห็นทางออนไลน์ว่าไม่เอานายกฯ ตู่ อีกแล้ว
นายกฯ ตู่ จะอยู่ต่อได้หรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า นายกจะอยู่ในอำนาจไม่เกิน 8 ปี
เรื่องนี้ท่านมีความเห็นอย่างไร
ตอบ คุณรู้ได้อย่างไรว่า ฉันเป็นเอฟซีนายกฯ ตู่ หรือเอาอารมณ์คุณเป็นตัวกำหนด ชี้ว่าใครจะเป็นฝ่ายไหน สิ่งที่คุณถามฉันมา บอกตรง ไม่เคยอยู่ในสมอง
เพราะฉันคิดอยู่เสมอว่า ใครจะมาเป็นผู้นำบ้านเมือง ต้องไม่โกง รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จงรักภักดี ทำเพื่อชาติ ประชาชน อย่างแท้จริง
และสิ่งสำคัญต้องไม่ชักศึกเข้าบ้าน อย่าทำให้ประเทศเหมือนยูเครนและไต้หวัน
ส่วนที่คุณถามฉันมาว่า นายกฯ จะอยู่ต่อไปได้หรือไม่ ด้วยเงื่อนไขทางรัฐธรรมนูญ ฉันขอตอบตามมุมมองของคนไทยคนหนึ่งที่คิดเหมือนกับทุกคนว่า อธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย
ฉันจึงมีสิทธิที่จะมองในมุมของฉันว่า คงต้องถามคุณกลับไปเช่นกัน ตอนที่ลุงตู่แกมาเป็นนายกฯ ในรัฐบาล คสช. รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ได้ประกาศใช้แล้วหรือยัง
รัฐธรรมนูญฉบับนี้เมื่อประกาศใช้แล้ว มีผลบังคับใช้ย้อนหลังได้ด้วยหรือไม่
คุณช่วยตอบสิ่งที่ฉันสงสัยให้เข้าใจด้วย
แล้วจะตอบในคำถามคุณต่อไป”
แน่นอน, ประเด็นที่เห็นได้ชัดก็คือ ความเข้าใจ ต่อ “ปม 8 ปี” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังคงแตกต่างกัน และตีความรัฐธรรมนูญต่างกัน
ไม่ใช่ ทั้งหมดจะเห็นด้วยว่า “8 ปี” นายกฯ ประยุทธ์ ครบในวันที่ 24 สิงหาคมนี้แน่นอน รวมถึงมีการเคลื่อนไหว (ม็อบ) ไล่ให้ลาออก อย่างที่บางฝ่ายกำลังสร้างกระแสกดดันอยู่
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นคำตอบว่า ทำไมต้องให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องเพราะมีความเห็นที่หลากหลาย แตกต่างกันของผู้คนในสังคมนั่นเอง และแม้แต่ระดับปรมาจารย์ด้านกฎหมาย ก็ยังตีความกฎหมายแตกต่างกัน
ยิ่งกว่านั้น ยังมีฝักฝ่ายทางการเมือง ที่ทั้งหนุนและต่อต้าน “ประยุทธ์” ผสมโรงอาศัยเรื่องนี้ “ขยายปม” ดิสเครดิตทางการเมือง เพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายตัวเอง ยิ่งเอาตามฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้
ที่สำคัญ คือ ไม่อาจปล่อยให้กลุ่มบุคคล หรือ ม็อบไล่ อยู่เหนือศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีหน้าที่วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ เพราะไม่เช่นนั้น บ้านเมืองก็จะวุ่นวาย “อนาธิปไตย” เต็มไปหมด เพราะไม่มีใครเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
หรือใครคิดว่า ไม่ถูกใจก็ม็อบไล่ ถ้าเจอกับ “ตัวเอง” ฝ่ายตัวเองบ้าง จะว่าอย่างไร ร้องเรียกเพรียกหากระบวนการยุติธรรมหรือไม่?