“3 นิ้ว” งง! ท่าที “ประวิตร” ฝากทวงสิทธิประกันตัวให้ “พิ้งกี้” ถูกรุมด่าเละ! “พี่คนดี” ร่ายกลอน เหน็บอดีตพระสามกีบรวย เลิกบ่น-โทษรัฐบาล “จะอดตายกันอยู่แล้ว” “อดีตบิ๊ก ศรภ.” ชำแหละ “ทักษิณ” อ้างตัวเอง “ฝ่าย ปชต.”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (19 ส.ค. 65) จากกรณีศาลอาญาไม่ให้ประกันตัว นางสาวสาวิกา ไชยเดช หรือ “พิ้งกี้” ดารานักแสดงชื่อดัง ในคดีหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกง
ล่าสุด นายประวิตร โรจนพฤกษ์ นักเคลื่อนไหว และผู้สื่อข่าวอาวุโสข่าวสดภาคภาษาอังกฤษ โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ว่า “ฝากกลุ่มยืนหยุดขังเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวให้พิ้งกี้ด้วยครับ”
ทั้งนี้ โพสต์ นายประวิตร สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มชาว 3 นิ้ว โดยเข้าไปแสดงความคิดเห็น อาทิ “ทวีตนี้เพื่ออะไร? ประชด? ความเสียหายเท่าไหร่ไม่คิดอ่อ? ทำไมกล้าเอามาเทียบกับคดีการเมืองที่แค่คิดต่างก็ติดคุก”
“ถ้าหนี เอาเงินประจิตต์มาจ่ายให้คนโดนโกงนะ ไอ้สัส”
“คดีฉ้อโกง กับ คดีการเมือง มันแตกต่างกันครับ แยกแยะจ๊ะ”
“กลุ่มยืนหยุดขังเค้าอยากไปทำกิจกรรมให้ใคร หรือเน้นเรื่องไหนก็เป็นสิทธิของเค้ามั้ย ถ้าคุณอยากไปยืนเรียกร้องให้พิ้งกี้ก็ไปเองสิ ไปฝากคนอื่นเค้ายืนทำไม”
“เกินคำบรรยายจริงๆ นะ คุณเนี่ย” ฯลฯ (จากไทยโพสต์)
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก P.khondee (พี่คนดี กวีสมัครเล่น) โพสต์ข้อความว่า เห็นข่าว ทิดเพิ่งสึกมาไม่ถึงปี มีเงินสดไปซื้อรถราคาหลายล้าน บางคนก็ตั้งข้อสงสัย บางคนก็ชื่นชมว่าทำมาหากินเก่ง มันก็คิดได้ทั้งสองแบบแหละ ตอนนี้ใครจะอวยกันก็อวยไปไม่อยากขัด แต่เห็นหลายคนพยายาม “ย้อนไปอวย” ตอนที่เขายังไม่สึกว่า ตอนนั้นก็ปฏิบัติดี ปฏิบัติเลิศเสียเหลือเกิน (เหมือนจะแก้ต่างให้ตัวเองว่า ไม่ได้หลงผิดไปนับถือรึเปล่าหนอ) ถ้าเขาปฏิบัติดีจริง จะต้องสึกออกมาหรือ เราไม่ได้เห็นเขาขายโฆษณาหารายได้ตั้งแต่ตอนเป็นพระแล้วหรอกเหรอ ก็เห็นเขาฝึกเจริญพาณิชย์กันตั้งแต่อยู่ในวัดแล้ว ออกมาปุ๊บเลยเก่งงานเลย
ถ้าเชื่อว่า คนเรามีเงินเก็บหลายล้านได้ไวขนาดนี้ น่าจะเลิกบ่น ว่า “ยุคนี้คนจะอดตายกันอยู่แล้ว” กันเสียทีนะ คนเท่ากัน ทำไมเขารวย แต่ เราจะอดตาย ? ตกลงที่ว่า จะอดตายจริง นั้นหรือ แค่หาเรื่องโจมตีรัฐบาลกันจ๊ะ
“จะอดตาย กันอยู่แล้ว” ตะแง้วบ่น
ว่าทุกข์ล้น ต้องอดทน ยากจนหลาย
แต่ไยคน ที่เธออวย รวยมากมาย
เขาเพิ่งสึก มาค้าขาย ไม่ถึงปี
สรุปว่า เป็นปัญหา เศรษฐกิจ
หรือว่าผิด ที่ความคิด เธอละนี่
พวกบ่นว่า “ถ้าเรื่อง การเมืองดี”
โทษโน่นนี่ ถึงวันนี้ หยุดได้ยัง ?
อวยใครรวย อวยใครสวย อวยเลยจ้ะ
อย่าย้อนอวย ตอนเป็นพระ อวยความหลัง
พระเจริญ กิจพาณิชย์ จริตพัง
ยั้วะเก่งจัง ถึงจะดัง ใช่จะดี
ร้านบะหมี่ ที่โวยวาย ก็ขายคล่อง
ดีจนต้อง ขอพักเหนื่อย เมื่อยลวกหมี่
ใครที่บ่น ว่าจนจัง ตังค์ไม่มี
คิดอีกที ไยก็มี คนที่รวย
บ่น “จะตาย” นั้นคือจริง หรือกลิ้งกลอก
หรือเพื่อหลอก บอกว่ารัฐ จัดการห่วย
ชังก็ “ด่า” ชอบบูชา หาเรื่อง “อวย”
ชมว่า “สวย” ชมว่า “ยอด” ตลอดกาล (จากไทยโพสต์)
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“เมื่อวานฟังคุณทักษิณ พูดโม้ทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Clubhouse
ฟังมาแล้วหลายครั้ง แล้วเกิดความรู้สึก 2 อย่างครับ
1. คุณทักษิณ มักจะลืมไปว่า ตัวเองทำอะไรไว้บ้าง แล้วก็ยกเอาเรื่องไม่ดีที่ตนเองเคยทำไว้ไปเที่ยวกล่าวหาคนอื่นต่อ
2. คุณทักษิณ มักจะชี้นำให้ประชาชน เรียกบุคคลที่อยู่ข้างคุณทักษิณ หรือบุคคล ที่คุณทักษิณ อยากดึงมาเป็นพวก ว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” สรุปคือ ใครไม่เห็นด้วยกับคุณทักษิณ จะเป็น “ฝ่ายเผด็จการ”
เรื่องอื่นพอรับได้ครับ แม้ว่าคุณทักษิณ จะบ่นเรื่องทุจริต ซึ่งความจริงแล้ว คุณทักษิณ ไม่น่าจะกล้ามาพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่ผมก็พอทนได้นะ
สิ่งที่น่ารำคาญ คือ เรื่องที่คุณทักษิณ ชอบเรียกตัวเองว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” นั้น ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดพอประมาณ
เพราะมันจะทำให้คนที่ไม่ชอบเรื่อง “การทุจริตแบบกินบ้านกินเมือง” กลายเป็นฝ่ายเผด็จการไปทันที เลยขอทบทวนความจำดูหน่อยครับ
ฝ่ายที่อ้างตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้น เป็นฝ่ายที่เคยถูกศาลพิพากษาว่าทุจริตมาแล้วหลายครั้ง และยังถูกประชาชนจำนวนนับล้านคนขับไล่ จนต้องหนีออกไปอยู่นอกประเทศ เพราะเรื่องทุจริตมาแล้วถึง 2 ครั้ง
ฝ่ายที่อ้างตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แบบของคุณทักษิณนั้น ปราบปรามผู้เห็นต่างด้วยกำลังตำรวจอย่างรุนแรง ถึงขนาดตีพระด้วยกระบองก็มี และทุกครั้งที่ฝ่ายที่อ้างตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยจัดชุมนุมก็จะเกิดความรุนแรง ถึงขนาดเผาบ้านเผาเมืองขึ้นทุกครั้ง เช่น การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่รัฐบาลหนีไปจัดถึงพัทยา ก็ยังยกพวกจากกรุงเทพฯไปพังโรงแรมที่จัดงาน
การบริหารบ้านเมืองของฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้น จะผูกขาดการโยกย้าย แต่งตั้งข้าราชการตามใจชอบ โดยไม่คำนึงถึงกฎระเบียบ โดยเฉพาะในตำแหน่งสำคัญๆ ไว้ที่ฝ่ายตัวเองเกือบทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายสิบตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน จนสามารถนำมาเขียนเป็นวิทยานิพนธ์ได้เลยครับ
สรุปแล้วการที่คุณทักษิณ ออกมาเรียกตนเองว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้น น่าจะมีจุดมุ่งหมายที่แท้จริง คือ (1) การพยายามปิดบังเรื่องเดิมๆ ในอดีต (2) ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า ฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เป็นกลุ่มอยู่ในสังกัดอยู่ในเครือข่ายระบอบทักษิณด้วย และ (3) สร้างความเข้าใจผิดต่อชาวต่างชาติ ว่า ฝ่ายตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตยจริงๆๆๆ ลองไปอ่านเพิ่มเติมดูนะครับ.” (จากไทยโพสต์)
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ความเห็นต่างทางสังคม และการแบ่งฝ่ายเลือกข้างทางสังคม บนความ เปราะบาง ทางอารมณ์ที่อยู่เหนือเหตุผล ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าหากจะก้าวให้หลุดพ้นจากวงจร “น้ำเน่า” ในทางสังคม
ลองคิดดู ถ้าวันใดวันหนึ่ง คนในสังคมไทย ไม่ว่าฝ่ายไหน มีการใช้สติปัญญาและเหตุผลวิเคราะห์เรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นอยู่ โดยมีจุดควบคุมอารมณ์สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีคุณธรรม จริยธรรมช่วยค้ำจุนอีก จะทำให้เป็นสังคม “ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์” แค่ไหน อย่างที่ทุกคนต้องการหรือไม่?
แต่วันนี้ สังคมไทย การเมืองไทย สิ่งที่ “ขายดี” คือ การชอบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น ผลักคนที่เห็นต่างเป็นศัตรู ตั้งชื่อขนานนามต่างๆนานา แล้วยกตัวเองเป็นพวกก้าวหน้า ผูกขาด “ฝ่ายประชาธิปไตย” ย้อนแย้ง อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ แล้วใครจะนำใครไปสู่ประชาธิปไตยได้ คิดดูให้ดี!?