“อนุดิษฐ์” เผย กมธ.สภาฯส่งรายงานควบรวม “ทรู-ดีแทค” ถึงประธานสภาฯแล้ว รอเข้าวาระถกห้องใหญ่ ย้ำอำนาจอยู่ที่ กสทช.เคาะให้ควบรวมหรือไม่ เชื่อทอดเวลาอีก 1 เดือนเป็นสัญญาณดี พร้อมส่งข้อกังวลถึงนายกฯ หวังรับฟังเสียงสะท้อนตัวแทน ปชช.
วันนี้ (12 ส.ค.65) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบกรณีการควบรวมกิจการโทรคมนาคม
ระหว่าง True กับ DTAC และการค้าปลึก-ค้าส่ง (กมธ.ควบรวมทรู-ดีแทคฯ) สภาผู้แทนราษฏร เปิดเผยว่า กมธ.ควบรวมทรู-ดีแทคฯได้ศึกษาและทำรายงานสรุปผลการศึกษาส่งถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้ว ก่อนจะรายงานผลการศึกษาให้ที่ประชุมสภาฯรับทราบ ทั้งนี้ตลอดการพิจารณา ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงครบถ้วน ทั้งทรู, ดีแทค, เอไอเอส, คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวมถึงคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ที่มีกฎหมายควบคุมการควบรวมกิจการได้เข้ามาชี้แจงกับ กมธ. ทำให้รายงานผลการศึกษาครั้งนี้มีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
“ในการศึกษา กมธ.ฯเห็นตรงกันตั้งแต่เรื่องการพิจารณาควบรวม แต่เพราะไม่มีอำนาจที่จะอนุมัติ หรือตัดสิน เนื่องจากมีหน่วยงานที่กำกับดูแลตามกฏหมายอยู่แล้ว กมธ.ฯมีหน้าที่เพียงศึกษาผลกระทบที่มีทั้งด้านบวก และลบ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ผลการศึกษานี้จะเป็นประโยชน์โดยเฉพาะกับ กสทช.ที่จะตัดสินใจว่าจะมีมติให้ควบรวม ทรู-ดีแทค หรือไม่” น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุ
ประธาน กมธ.ควบรวมทรู-ดีแทคฯ กล่าวด้วยว่า ในรายงานชุดนี้จะมีทั้งประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นและโทษ ซึ่งส่วนที่เป็นประโยชน์ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องนำไปพิจารณา ส่วนเรื่องที่เป็นโทษหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแล เมื่อมีอำนาจก็ไม่ควรปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้เสียประโยชน์ พร้อมย้ำว่าการพิจารณาของ กมธ.ฯได้ยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นตัวตั้ง เมื่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ดังนั้นอุตสาหกรรมและประชาชนจะต้องไปด้วยกันได้ ซึ่ง กมธ.ฯได้พิจารณาศึกษาครอบคลุมทั้งทุกมิติ และหากท้ายที่สุดดีลควบรวมนี้เกิดขึ้นจริงผู้บริโภคอาจจะแบกรับภาระค่าบริการสูงถึง 200%
“กสทช.ที่มีอำนาจอยู่ สามารถออกเงื่อนไขพิเศษจะไปกำกับควบคุมไม่ให้ผู้บริการขึ้นค่าใช้จ่ายและค่าบริการได้ตามอำเภอใจ การจะควบรวมหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับอำนาจตัดสินใจของคนที่มีอำนาจอยู่ในมือนั่นคือ กสทช.” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวย้ำด้วยว่า กมธ.ฯคือตัวแทนของประชาชน เมื่อ กมธ.ฯทำการศึกษาและรายงานสรุปออกมาตามที่สภาฯมอบหมาย กสทช.จึงควรรับฟังรายงานของ กมธ.ฯ ทั้งนี้ได้ส่งรายละเอียด และความกังวลไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้ว เพื่อให้พิจารณา และเห็นผลการศึกษาที่เป็นเสียงสะท้อนของประชาชนประกอบไปด้วย ส่วนการที่ กสทช.ยืดเวลาพิจารณาการควบรวม ออกไปในวันที่ 10 ก.ย.นั้น สะท้อนว่า กสทช.ก็รับฟังเสียง และข้อมูลของฝ่ายที่เห็นต่าง ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อการพิจารณา เพื่อให้การจารณา เป็นไปอย่างรอบคอบ รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ของประชาชนจึงเป็นวิสัยที่ควรกระทำของ กสทช.
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเห็นว่ากฎหมาย ได้กำหนดอำนาจให้ กสทช.ค่อนข้างครอบคลุม และชัดเจนแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับการตีความและผู้บังคับใช้กฏหมายนี้ใช้ระเบียบข้อบังคับด้วยความจริงจัง และจริงใจในการจะนำเอาอำนาจของตัวเองมากำกับดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนหรือไม่ จึงอยากจะส่งเสียงนี้ไปถึงคณะกรรมการ กสทช.ทุกคนว่า ขณะนี้สัมคมและประชาชนกำลังจับตาเฝ้าดูการทำหน้าที่ของท่านอยู่ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตการตัดสินใจจะให้เกิดการควบรวม หรือไม่ควบรวม ได้บังคับใช้กฎหมายอยู่ในอำนาจหน้าที่ที่ถูกต้อง และมีความจริงใจกับการดำเนินการครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งในรายงานของ กมธ.ฯได้ตั้งข้อสังเกตและส่งไปให้ กสทช.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว.