สภาล่มตามคาด! เข็นถก กม.ลูกเลือกตั้ง ส.ส.ไปต่อไม่ไหว หลัง ส.ส.ขานชื่อนับองค์ประชุมจนครบแบบฉิวเฉียด จนโดนโวยกันไปมา สรุปให้ขานชื่อนับใหม่จนจบ แต่ไม่ร่วมโหวตมาตรา 24/1 จน พรเพชร" ต้องสั่งปิดประชุมทันที
วันนี้ (10ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมรัฐสภาพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ.. ในวาระสาม หลังจากสมาชิกอภิปรายจบ จนเมื่อเวลา 13.30 น. หลังจากสมาชิกอภิปรายจบ นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้ให้สมาชิกเสียบบัตรแสดงตนก่อนที่จะลงคะแนนในมาตรา 24 /1
นายพิเชฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เพื่อไทย สมาชิกรัฐสภา ประท้วงว่ามีการเสียบบัตรแทนกัน ขอให้มีการบันทึกภาพในห้องประชุมไว้ด้วยว่ามีใครนั่งอยู่ในห้องประชุมนี้บ้าง
ด้านนายคารม พลพรกลาง ส.ส.ภูมิใจไทย สมาชิกรัฐสภา กล่าวว่า ไม่ควรกล่าวเช่นนี้เพราะสมาชิกเป็นผู้มีเกียรติ สื่อมวลชนก็อยู่ ตนขอให้ถอนคำพูดนี้ ตนรู้จักนายพิเชฐดี อย่ามาหาเสียงแถวนี้
ขณะที่นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เพื่อไทย สมาชิกรัฐสภา เรียกร้องให้ประธานขานองค์ประชุม พราะหากไม่เพียงพอก็จบเพียงเท่านี้ดำเนินต่อไปไม่ได้ วันนี้เรากำลังเดินเข้าสู่กับดัก ถ้าไปสู่วาระสามโอกาศที่พรป.นี้ตกร้อยเปอร์เซนต์ เราจะเข้าสู่สูญากาศเราจะเลือกตั้งไม่ได้ ขอให้ขานผล
นายครูออน กาจกระโทก ส.ว. ในฐานะสมาชิกรัฐสภา หารือว่า ตนเสนอให้ใช้ข้อบังคับ5(3) การควบคุมการประชุมโดยอยากให้ขานชื่อเพื่อให้ประชาชนที่อยู่ทั้งประเทศได้ดูว่าใครที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยแล้วมาทำหน้าที่อยู่ประชุมหรือไม่
จากนั้นนายพรเพชรได้ขานว่ามีองค์ประชุม 367 คน ถือว่าครบองค์ประชุม (ปกติ 365 เสียง)
ด้านนายจุลพันธ์ กล่าวว่าก่อนหน้านี้มีสมาชิกทั้งส.ส. และส.ว.บางส่วนเป็นห่วงว่ามีการกดบัตรแทนกัน จึงขอให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 120 ขอเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ เพราะมีเสียงเกินมาเพียงเล็กน้อย จึงอยากให้ตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันว่าพวกตนไม่ได้เสนอให้นับพร่ำเพรื่อ แต่ถือเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกที่จะเสนอ ซึ่งก็มีสมาชิกยกมือรับรอง
นายพรเพชรกล่าวว่าตนเห็นด้วยแต่ต้องการจะเช็กเพื่อความแน่นอน จะได้ไม่ผิดพลาด แต่ขอให้เวลาดำเนินการเพราะเป็นเรื่องใหม่ ยังไม่เคยปฏิบัติมาก่อน
ด้านนพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.พลังธรรมใหม่ สมาชิกรัฐสภา กล่าวว่าเมื่อครบองค์ประชุมแล้ว การเสนอญัตติให้ขานชื่อมีการเจตนาเตะถ่วงมากเกินไป ตนขอเสนอญัตติไม่เห็นด้วยที่จะนับองค์ประชุม แต่นายพรเพชรวินิจฉัยว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของผู้เสนอให้นับองค์ด้วยการขานชื่อ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามด้วย
ขณะที่นางศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคภูมิใจไทยลุกขึ้นกล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนเกษตรกรกำลังได้รับปัญหาพืชผลเกษตรตกต่ำ รอการแก้ไขจากสภาโดยได้ส่งตัวแทนมาทำงาน แต่กลับมาทะเลาะกันในที่ประชุมสภาทุกวันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับสังคม วันนี้ประชุมเกือบทั้งวัน เดี๋ยวก็บัตรสองใบ เดี๋ยวก็บัตรใบเดียว จะบัตรอะไร ประชชนเท่านั้นที่ตัดสินใจ ตอนนี้ก็มีมติไปแล้วก็จะต้องมานับคะแนนกันใหม่อีก ประชาชนอยากรู้ว่าเขาได้อะไร
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาร สมาชิกรัฐสภา กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่ประชุมได้มีการพิจารณามาตรา 24/1 เสร็จแล้ว และประธานได้กดออดให้สมาชิกแสดงตนแล้ว และยังได้ประกาศตัวเลข 367 เสียงว่าครบองค์ประชุม ซึ่ง ตนไม่ขัดข้องหากจะนับด้วยการขานชื่อ และจะเสร็จกี่โมงยาม แต่ตนสงสัยเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อการประชุมครั้งต่อไป ว่าหากมีการขานไปแล้วถือว่าครบแล้วหรือไม่
ด้านนายพรเพชรกล่าวว่า เมื่อมีข้อกล่าวหาว่ามีการกดบัตรลงคะแนนกัน ก็ถือว่าเป็นบรรทัดฐานเช่นนี้ ตนไม่รู้ว่ามีใครกดบัตรแทนกันหรือไม่ แต่เมื่อวินิฉัยเช่นนี้แล้วก็ดำเนินการต่อไป
จากนั้นได้ตั้งคณะกรรมการนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อจากตัวแทนของแต่ละฝ่าย และเริ่มให้สมาชิกขานชื่อตามลำดับ
ต่อมาเวลา 15.58 น. หลังมีการตรวจสอบองค์ประชุมแบบขานชื่อนานกว่า 2 ชั่วโมง ผลปรากฎว่า มีสมาชิกรัฐสภามาร่วมประชุม 403 คน จากทั้งหมด 727 คน จากนั้นที่ประชุมลงมติว่าเห็นด้วยที่จะให้มีการเพิ่มมาตรา 24/1 หรือไม่ หลังจากรอผลการนับคะแนนพักใหญ่ นายพรเพชรได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า “ผลการลงคะแนนไม่ครบนะครับ ดังนั้นผมขอปิดการประชุม” พร้อมกดสัญญาณปิดประชุมเมื่อเวลา 16.15 น. ท่ามกลางมึนงงของสมาชิกรัฐสภาที่เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ทำให้การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ.. ที่พิจารณาการใช้สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อโดยการหาร 500 เตรียมที่จะถูกตีตกไปเพราะใกล้ครบกำหนด 180 วัน และจะต้องกลับไปใช้สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อโดยการหาร 100 ในร่างเดิมที่คณะรัฐมนตรีเสนอแทน