xs
xsm
sm
md
lg

*"พี่เต้" ถามหาเจ้าของตัวจริง "เมาท์เท่นบี" ขณะที่ "อนุพงษ์" โบ้ยเป็นเรื่องของผู้ว่าฯ ...ว่าซั่น! **เด็ดหัว7พรรคเล็กรับกล้วย กระเทือนถึง “พลังประชารัฐ” จะถูกยุบ?!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**"พี่เต้" ถามหาเจ้าของตัวจริง "เมาท์เท่นบี" ขณะที่ "อนุพงษ์" โบ้ยเป็นเรื่องของผู้ว่าฯ ...ว่าซั่น!


เหตุการณ์โศกสลด สะเทือนใจสังคมกรณีไฟไหม้ผับ "เมาท์เท่นบี" สัตหีบ ที่มีผู้เสียชีวิต15ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก ล่าสุดศาลจังหวัดพัทยาอนุญาตให้ประกันตัว "เสี่ยบี" พงษ์ศิริ ปั้นประสงค์ เจ้าของผับ โดยตีราคาประกัน 3 แสนบาท และติดกำไลอีเอ็ม ไว้

กล่าวถึง "เสี่ยบี" เด็กหนุ่มวัยเพียง 27 ปี แต่อยู่ในฐานะเจ้าของกิจการที่เชื่อว่าต้องมีเงินลงทุนพอสมควร แถมขออนุญาตเปิดเป็นร้านอาหาร แต่กลับเปิดเป็นสถานบันเทิงได้นี้ โดยที่ทั้งตำรวจและฝ่ายปกครอง มองไม่เห็น ไม่รู้เรื่อง ชาวโชเชียลฯจึงสงสัยว่า “เสี่ยบี” ต้องไม่ใช่แค่ "วัยรุ่นสร้างตัว" ธรรมดาแน่นอน

"พี่เต้" มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ดีๆ ชั่วๆ จะถูกมองว่าเป็นคน "หิวแสง" อย่างไร งานนี้ก็ต้องยกให้เขาล่ะ นอกจากเคลื่อนไหวไปให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสียในพื้นที่ มอบเงินร่วมทำบุญ ผู้เสียชีวิต 7 ราย พูดคุยกับครอบครัวผู้ตาย-บาดเจ็บ แล้วเห็นว่า ภารกิจติดตามความคืบหน้าคดีที่ สภ.พลูตาหลวง “พี่เต้” นัดกับญาติๆ หลังงานเผาศพ จะหารือกัน ดำเนินคดีอาญา-แพ่ง เจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่-เจ้าของผับ แยกผู้เสียหารายคดี โดยพรรคไทยศรีวิไลย์ จัดทนายให้ฟรี

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์
ขณะที่เจ้าตัวยังโพสต์ถามชาวโซเชียลฯ "ท่านเชื่อหรือไม่ว่า เจ้าของผับ Mountain B
ที่ ตร.จับ เป็นเจ้าตัวจริง ใช่ หรือไม่ อายุแค่ 27 ปี แล้วจะมีปัญญาอะไรไปรับผิดชอบกับผู้เสียชีวิต 15 ราย บาดเจ็บกว่า 36 ราย"

ปรากฏว่า มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ต่างก็สงสัยเหมือน ส.ส.เต้ นั่นคือ ใครเป็นเจ้าของผับตัวจริง? เพราะใครก็ตาม หากจะเปิดกิจการสถานบันเทิงที่ไม่ขออนุญาตได้ จำเป็นต้องมีคนอยู่เบื้องหลังที่ "เส้นใหญ่" รวยทรัพย์ มากบารมี พอที่จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ ยินยอมเป็นคนหูหนวก ตาบอด

สำหรับ “เสี่ยบี” พงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ คนในพื้นที่รู้จักกันว่า เป็นบุตรชายของ “สมยศ ปั้นประสงค์” หรือ "เสี่ยยศ" เจ้าของกิจการมากมายในจังหวัดชลบุรี อาทิ เขียงหมู ร้านทอง ไปยัน ผับ บาร์ จึงมีคนตั้งคำถามว่า “เสี่ยบี” มีฐานะเป็นเจ้าของผับใหญ่ เพราะเป็นลูกไม้ที่พ่อหนุนหลังอยู่หรือไม่ ?

สอดคล้องกับที่โซเชียลฯ ได้ขุดภาพวันฉลองเปิดผับว่า มีภาพของ "เสี่ยยศ" พ่อของ “เสี่ยบี” โผล่มารับดอกไม้ จากข้าราชการในพื้นที่ ที่มาร่วมแสดงความยินดี โดย “เสี่ยยศ” ถือเป็นคนดังของสัตหีบ มีบารมีขนาดนักการเมืองท้องถิ่น และข้าราชการ ยังต้องเกรงใจ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ขณะที่ “พี่เต้” เคลื่อนไหวในพื้นที่ ที่สภาฯ มีกระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องเหตุการณ์เพลิงไหม้ สถานบันเทิงเมาน์เท่นบี เช่นกัน โดย "วันชัย สอนศิริ" ส.ว. ถามจี้ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถึงความรับผิดชอบในฐานะ มท.1

“ส.ว.วันชัย” บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่รุนแรง กระทบความรู้สึกคนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้สูญเสีย เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อเกิดเหตุแต่ละครั้ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีอำนาจหน้าที่ก็ตื่นตัว ล่าสุด กทม.สั่งตรวจผับบาร์ เหตุการณ์แบบนี้เหมือน "วัวหายล้อมคอก" หรือ "ไฟไหม้ฟาง" ซึ่งเกิดแล้วเกิดอีก ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย คงไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงในการอนุญาต และกำกับดูแล ให้เป็นไปตามกฎหมาย มีการตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าข้าราชการเอาจริงเอาจัง ตั้งแต่ขั้นตอนการขออนุญาต คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งหมดมาจากการปล่อยปละละเลย เพิกเฉย รวมถึงการคอร์รัปชัน ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุแบบนี้ ขณะที่ผู้ประกอบการ ก็พยายามหลบเลี่ยงด้วยวิธีการต่างๆ และเจ้าหน้าที่อาจรู้เห็นเป็นใจบ้าง จึงเกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้ ทั้งหมดนี้จะพูดว่าไม่เกี่ยวกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คงจะไม่ได้...

คำตอบของ “พล.อ.อนุพงษ์” คือ กรณีสถานประกอบการ เมาน์เท่นบี เป็นอำนาจ ของท้องถิ่นในการให้อนุญาต ซึ่งตัวเองไม่ได้กำกับท้องถิ่นโดยตรง คนที่กำกับท้องถิ่น คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด

พงษ์ศิริ ปั้นประสงค์
เมาน์เทนบี เป็นการขออนุญาตท้องถิ่น ขอจดทะเบียนเป็นร้านอาหาร และเปิดกิจการเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา แต่เมื่อดำเนินการจริง กลับเปิดเป็นสถานบริการ ดังนั้น ขั้นต้นท้องถิ่นต้องรับผิดชอบแน่นอน
จากท่าทีของ “พล.อ.อนุพงษ์” เมื่อเทียบกับ “พี่เต้” ชั่วโมงนี้ อดไม่ได้ที่จะตัองตั้งคำถามว่าใครควรค่าเป็น "ผู้ทรงเกียรติ" มากกว่ากัน ?



** เด็ดหัว7พรรคเล็กรับกล้วย กระเทือนถึง “พลังประชารัฐ” จะถูกยุบ?!!

เรียกว่าเป็นอาฟเตอร์ช็อกหลังศึกซักฟอกก็ว่าได้ เมื่อ“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ควงคู่ไปกับ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ที่ตอนนี้มาเป็นประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ ประธาน กกต. ขอให้เอาผิดกับ “พรรคเล็ก” ที่รับเงินจาก “พรรคใหญ่” หรือที่ภาษาการเมืองเขาเรียกกันว่า “รับกล้วย” เพื่อแลกกับการโหวตไว้วางใจรัฐบาล

คงจำกันได้ว่า ช่วงก่อนโหวตในศึกซักฟอกนั้น มีการเคลื่อนไหวของบรรดาพรรคเล็ก กลุ่ม 16 ที่ “พิเชษฐ สถิรชวาล” เป็นหัวเรือใหญ่ และพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ดูแลอยู่

จากที่บรรดาพรรคเล็กขู่ฟ่อว่าจะโหวตคว่ำรัฐบาล โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายกลับลำมาเป็นโหวตหนุน จนเป็นที่ขัดใจ “ผู้กองธรรมนัส” ซึ่งต้องการให้โหวตคว่ำ “บิ๊กตู่” และรัฐมนตรีทั้งหลาย... ยกเว้น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพียงคนเดียว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส  และ สมชัย ศรีสุทธิยากร
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีเสียงวิพากวิจารณ์ตามมาว่าพวกพรรคเล็กได้ “รับกล้วย” ไปเป็นที่เรียบร้อย

“ผู้กองธรรมนัส” ถึคงกับออกมาขู่ว่า พรรคเล็ก กลุ่ม16 ที่ไม่ยอมโหวตคว่ำนายกฯ กับรัฐมนตรีเป้าหมาย ระวังจะถูกแฉเอกสารว่ามีการ “รับกล้วย”

คล้อยหลังจากที่ “ผู้กองธรรมนัส” พูดไม่กี่อึดใจ ก็มี “ไลน์หลุด” ออกมาจริงๆ เป็นภาพที่ระบุให้เห็นรายชื่อ ส.ส.พรรคเล็ก เซ็นรับเงินเดือน ประจำเดือน มี.ค.63 หลายคน และมีภาพหลักฐานการโอนเงินไปยังบุคคลปลายทางเดือนละ 1 แสนบาท

ในไลน์หลุดนั้นมีชื่อผู้รับ แต่ไม่ให้เห็นชื่อผู้จ่าย!!

ต้องไม่ลืมว่าในช่วงที่ตั้งรัฐบาลใหม่ๆ ที่ยังมีปัญหาเรื่องเสียง “ปริ่มน้ำ” และ “ผู้กอง” ยังรั้งตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ก็ได้รับมอบหมายจาก “ผู้จัดการรัฐบาล” ให้มาดูแลบรรดาพรรคเล็ก จนมีศัพท์การเมือง “แจกกล้วย” ออกมาเป็นที่รู้กัน

พอมีเรื่อง “ไลน์หลุด” ขึ้นมา บรรดาส.ส.ที่เป็นหัวหน้าพรรคเล็ก บางคนก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่การเซ็นชื่อรับเงิน แต่เป็นเซ็นชื่อเข้าประชุม ส่วนเรื่องเงินบ้างก็อ้างว่าเป็น “เงินยืม” ไม่ใช่ “เงินให้”

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
บางคนก็โวยว่ารู้นะ ใครเป็นคนปล่อยข้อมูลนี้ออกมา ใครกล้ายื่นร้องเรียนก็ยื่นไป ระวังพรรคใหญ่จะตายด้วย จะตายกันหมด!!

จากเรื่องไลน์หลุดนี้ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” ที่เป็นอดีต กกต. ก็เห็นข้อกฎหมาย เห็นความผิดของผู้ที่เกี่ยวข้อง ถึงกับบอกว่า หาก “ผู้กองธรรมนัส” มีหลักฐาน ก็ให้เอาหลักฐานไปร้อง กกต. ในความผิดตาม มาตรา 28 และ มาตรา 29 ของพ.ร.บ. พรรคการเมือง เกี่ยวกับเรื่องครอบงำพรรค แต่ถ้าไม่ถนัดจะไปร้องเอง ก็ยินดีที่จะทำเรื่องร้องเรียนให้

ขณะที่ “นิวัติไชย เกษมมงคล” เลขาธิการ ป.ป.ช. ก็ยังออกมาพูดถึงเรื่อง “ไลน์หลุด” ว่าได้สั่งให้ทีมงานติดตาม ตรวจสอบ เก็บข้อมูลในเรื่องนี้แล้ว หากมีการร้องเรียนมาก็จะได้มีพยาน หลักฐานประกอบการพิจารณา เพราะเรื่องเงินนั้น หากเป็นการกู้ยืม ก็ไม่ถือว่าผิดอะไร แต่ถ้าเป็นการให้ อาจจะผิดตามกฎหมายป.ป.ช. ที่ ส.ส.หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่สามารถรับผลประโยชน์ที่คิดเป็นเงินเกิน 3,000 บาท ฝ่าฝืนมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับได้

ยิ่งถ้าพบว่า เป็นการให้เงินเพื่อแลกกับการโหวต ก็อาจจะเข้าข้อหารับสินบน เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงด้วย

กระทั่งเวลาล่วงเลยมากว่า 2 สัปดาห์ เมื่อเห็นว่า “ผู้กองธรรมนัส” ไม่ยื่นเรื่องร้องเรียนแน่นอนแล้ว “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และสมชัย” จึงไปยื่นเรื่องพร้อมหลักฐาน ต่อ กกต. ว่า 7 พรรคเล็ก “รับกล้วย” และขอให้ตรวจสอบด้วยว่า การกระทำดังกล่าว ถือว่า“พรรคใหญ่” ครอบงำ ชี้นำพรรคเล็กในการดำเนินกิจกรรมการทางการเมือง เข้าข่ายขัด มาตรา 28 มาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นเหตุให้ต้อง “ยุบพรรค”ด้วยหรือไม่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
งานนี้ นอกจากพรรคเล็กจะเดือดร้อนแล้วยังกระเทือนถึงพรรคใหญ่ อย่างพรรคพลังประชารัฐด้วย หากมีข้อมูลหลักฐานเชื่อมโยงไปถึง

เพราะในมุมมองของ “สมชัย”นั้นเห็นว่า หากมีการจ่ายเงินให้พรรคการเมืองเป็นรายเดือน เดือนละแสนบาท ก็จะไม่ใช่ความผิดแค่เรื่องเจ้าหน้าที่รัฐ รับสิ่งของที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาทเท่านั้น โดยเฉพาะถ้ามีการจ่ายต่อเนื่องมาตลอดเวลากว่า 3 ปี ของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มีโทษทางอาญาทั้งผู้ให้ และผู้รับ หากถึงขั้นครอบงำพรรค ก็ถึงยุบพรรคการเมืองได้

ที่สำคัญหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ก็จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับ 1แสน -5 แสนบาทด้วย

“สมชัย” ยังยกตัวอย่าง “คดีพรรคไทยรักไทย” จ้างพรรคเล็ก ลงสมัครในการเลือกตั้ง เมื่อ 2 เม.ย.49 เนื่องจาก พรรคประชาธิปัตย์บอยคอต ไม่ลงเลือกตั้ง ทำให้พรรคไทยรักไทย ต้องหนีเกณฑ์ร้อยละ 20 โดยจ้างพรรคเล็ก ส่งผู้สมัคร ส.ส.ประกบ เพราะรธน.40 กำหนดว่า เขตเลือกตั้งใดที่มีผู้สมัคร ส.ส.คนเดียว ผู้สมัครที่จะได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จะต้องได้คะแนนเกินร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สุดท้ายเรื่องนี้ก็เป็นเหตุให้พรรคไทยรักไทยถูกยุบ

ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า เรื่อง “แจกกล้วย” ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ มีการล้อเลียนกันในทางการเมือง และคนในสังคมเชื่อว่ามีจริงนั้น เมื่อถูกนำมาร้องเรียนต่อ กกต.อย่างเป็นทางการแล้ว สุดท้ายจะจบลงอย่างไร




กำลังโหลดความคิดเห็น